บิ๊กล็อต BCP ปริศนา 123 ล้านหุ้น จับตา 3 หุ้นใหญ่ “สปส.- วายุภักษ์-CAI” ใครขาย!

BCP โผล่บิ๊กล็อตปริศนา 123 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 4.53 พันล้านบาท ราคาต่ำกว่ากระดาน 5.01% จับตาผู้ถือหุ้นใหญ่ 1 ใน 3 ได้แก่ สำนักงานประกันสังคม, กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง และ CAPITAL ASIA INVESTMENTS PTE LTD ใครตัดสินใจขายหุ้นออกมาหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ได้มีการซื้อขายกระดานรายใหญ่ (Big Lot) ของหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ออกมา 1 รายการ จำนวน 123,923,085 หุ้น มูลค่ารวม 4,531.87 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ย 36.57 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาหุ้นในกระดานหลักถึง 5.01% สะท้อนถึงการตอบสนองจากตลาดก่อนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของบริษัท

โดยหากพิจารณาการทำรายการบิ๊กล็อตในครั้งนี้จะพบว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สามารถขายหุ้นได้จากข้อมูลอ้างอิง ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ได้แก่ 3 อันดับแรก คือ สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้นจำนวน 195,252,597 หุ้น สัดส่วน 14.18%, กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ถือหุ้น 188,200,000 หุ้น สัดส่วน 13.67% และ CAPITAL ASIA INVESTMENTS PTE LTD ถือหุ้น 137,692,400 หุ้น สัดส่วน 10.00%

ขณะที่ผู้ซื้อคงเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งการเข้ามาซื้อหุ้นในครั้งนี้น่าจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ BCP และแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจครั้งใหญ่ที่จะเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต

สำหรับผลประกอบการปี 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ในรายได้จากการขายและการให้บริการที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สู่ระดับ 589,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 385,853 ล้านบาท

สำหรับการเติบโตของ BCP เกิดจากการขับเคลื่อนของ 5 กลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาที่ 258.4 KBD เติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่กลุ่มธุรกิจการตลาดมียอดจำหน่ายเติบโตถึง 61% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 13,814 ล้านลิตร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยหลักมาจากการขยายเครือข่ายสถานีบริการและฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลการดำเนินงานเต็มปี 2567 จากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีการหยุดการผลิตไฟฟ้าเป็นเวลา 6 เดือน

นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีการเติบโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก BSRC ซึ่งทำให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาด ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติมีการขยายการลงทุนและการรับรู้ผลการดำเนินงานจากแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ที่ได้รับโอนสิทธิ์เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 และแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่ม COD ในเดือนตุลาคม 2566 ช่วยหนุนปริมาณการขายเติบโตกว่า 33% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ขณะเดียวกัน หากย้อนดูผลประกอบการย้อนหลังในช่วงปี 2564-2567 พบว่าในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,623.79 ล้านบาท, ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 12,575.16 ล้านบาท, ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 13,233.28 ล้านบาท และในปี 2567 มีกำไรสุทธิ 2,184.09 ล้านบาท

Back to top button