
ฮือฮา! “พิชัย” เสนอชาวนาปลูก “กล้วย” ขายญี่ปุ่น ช่วงราคาข้าวตกต่ำ
“พิชัย นริพทะพันธุ์" ตอบกระทู้ฝ่ายค้าน กรณีราคาข้าวตกต่ำ เสนอแนวทางส่งเสริมชาวนาปลูกกล้วยแทนข้าว หวังเปิดตลาดส่งออกญี่ปุ่น ชี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้สูง
ผู้สื่อข่าวรายงาน (6 มี.ค.68) เมื่อเวลา 11:40 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธาน ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาจากนายณรงค์เดช อุฬารกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถึงนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ
นายณรงค์เดช ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาราคาข้าวเป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงในสภามาอย่างต่อเนื่อง มีการหารือกันในคณะกรรมาธิการ และยื่นญัตติด่วนเพื่อให้รัฐบาลเร่งหาทางช่วยเหลือเกษตรกร แต่กลับไม่มีการตอบสนองอย่างชัดเจนจากกระทรวงพาณิชย์ จึงต้องการให้รัฐมนตรีชี้แจงถึงแนวทางที่เป็นรูปธรรม พร้อมตั้งคำถามถึงความจริงใจของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งปกติจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แต่รัฐบาลชุดนี้กลับแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแล
“ปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นเรื่องที่กระทบชาวนาโดยตรง แต่การบริหารจัดการของรัฐบาลกลับเป็นลักษณะ ‘ใครทำมัน’ ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน” นายณรงค์เดชกล่าว พร้อมถามถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าวนาปรังในฤดูกาลผลิตปี 2567/68 ว่าจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร จะใช้งบประมาณเท่าใด และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความช่วยเหลือจะไปถึงมือเกษตรกรตัวจริง ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
ด้านนายพิชัย ชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์ตระหนักถึงปัญหาของชาวนาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้เริ่มหารือเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และพบว่าราคาข้าวได้รับผลกระทบจากการที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดมีอุปทานสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น การนำเงินคงเหลือจากงบประมาณเดิมมาใช้เพื่อบรรเทาปัญหา
นายณรงค์เดชยังได้สอบถามถึงแนวทางจัดการข้าวเปลือกกว่า 2.2 ล้านตันที่ยังไม่มีตลาดรองรับ และการผลักดันการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) กับจีน รวมถึงโครงการส่งออกข้าวไปแอฟริกาใต้จำนวน 3 แสนตัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการเจรจาดังกล่าวมีความคืบหน้า และตนจะเดินทางไปลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวกว่า 3.7 แสนตันภายในสิ้นเดือนนี้
ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายณรงค์เดชกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก นบข. แล้ว แต่ยังไม่ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมตั้งคำถามว่า รัฐบาลทำหน้าที่ของตัวเองในการสนับสนุนตลาดข้าวหรือไม่ และหากให้รัฐมนตรีให้คะแนนตัวเองในการแก้ปัญหาราคาข้าว จะให้คะแนนเท่าไหร่
นายพิชัยกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ภายในสัปดาห์หน้า และย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาของชาวนา โดยมีแนวทางแก้ไขระยะยาว เช่น การส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้เพิ่มเติม เช่น กล้วย ซึ่งตลาดญี่ปุ่นมีความต้องการสูงถึงปีละล้านตัน แต่ไทยผลิตได้เพียง 8,000 ตัน และมีโควตาส่งออกเพียง 2,000 ตัน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาด
“หากจะมีมาตรการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่น ควรมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและกระทรวงเกษตรฯ ให้มากขึ้น เพราะชาวนาไม่ได้ต้องการเปลี่ยนไปปลูกกล้วยแทนข้าว” นายณรงค์เดช กล่าว