
BRI กางแผนปี 68 ผุด 6 โครงการใหม่ 7.5 พันลบ. ตั้งเป้ายอดโอน 5 พันล้านบาท
BRI กางแผนปี 68 เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 7.5 พันล้าน ตั้งเป้ายอดโอน 5 พันล้านบาท พร้อมเน้นกลยุทธ์สร้างแบรนด์แข็งแกร่งผ่านแนวคิด "Craft & Life, Live You Love" เตรียมชงผู้ถือหุ้นเคาะแผนขายเพิ่มทุน RO จำนวน 853 ล้านหุ้น พ่วงแจกวอแรนท์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม
ดร.ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 6 มีนาคม 2568 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 3,860 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 427 ล้านบาท
โดยยอดขาย (Presale)มีจำนวน 6,551 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการ non-JV จำนวน 5,413 ล้านบาท และโครงการ JV จำนวน 1,138 ล้านบาท โดยแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดคือ บริทาเนีย (Bitania) คิดเป็น 51% จำนวน 3,351 ล้านบาท รองลงมาคือ แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Bitania) 29% (1,900 ล้านบาท) และ Branded Resident 13% และมีการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์จำนวน 3,441 ล้านบาท
สำหรับปี 2567 มีการเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีงานในมือ(Backlog) อยู่ที่ประมาณ 802 ล้านบาท โดยเป็นโครงการ non-JV จำนวน 700 ล้านบาท และโครงการ JV จำนวน 100 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้
ดร.ศุภลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมาภาพรวมของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยสำคัญต่างๆ อาทิ ภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา การขยายตัวของ GDP และหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินจากอัตราหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัว
ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวในปี 2568 BRI ได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินงานและทิศทางธุรกิจอย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไปที่ เพื่อให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
สำหรับปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการมูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท เพื่อทดแทนโครงการที่ขายหมดและโอนหมดโดยเน้นในพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ โดยแบ่งเป็นครึ่งปีแรก 2568 เปิด 4 โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท โดยมีทั้งโครงการร่วมทุน (JV) และโครงการที่ดำเนินการเอง 3 โครงการ ได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย กรุงเทพกรีฑา-สุวรรณภูมิ จำนวน 128 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,550 ล้านบาท ราคา 12-20 ล้านบาท และบริทาเนียที่ประชาอุทิศ พื้นที่ใช้สอย 170-220 ตร.ม. ราคา 7-11 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,110 ล้านบาท และบริทาเนีย บางแสน โครงการร่วมทุนบนถนนข้าวหลามมีทั้งทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด จำนวน 274 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท และเบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี บ้านเดี่ยวระดับ Luxury พื้นที่ 400-600 ตร.ม. ราคา 30-50 ล้านบาท จำนวน 50 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 2 โครงการใหม่มูลค่า 2,000 ล้านบาท
โดยจากโครงการที่มีอยู่ในมือ 40 โครงการ บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการที่ดำเนินการ Non JV จำนวน 4,000 ล้านบาท และรายได้จากโครงการร่วมทุน (JV) จำนวน 1,000 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้บริษัทวางแผนการตลาดและ Branding โดยจะเน้นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจในแบรนด์บริทาเนีย (Britania) โดยใช้ธีม “Britania Craft and Life Love” ล่าสุด 1 มี.ค.68 บริษัทเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ “คุณณเดชน์ คูกิมิยะ” เพื่อสะท้อน DNA ของแบรนด์ ผ่านตัวตนของคุณณเดชน์เนื่องจากมีภาพลักษณ์ ยิ้มง่ายและเข้าถึงได้เป็นคนโรแมนติก มีรสนิยม ขยัน รักครอบครัวรบริหารจัดการและขยายตลาด
อีกทั้งนี้ให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายและพิจารณารูปแบบการดำเนินงานอย่างรอบคอบ และมีแผนขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเน้นโครงการในต่างจังหวัดที่ขายให้กับชาวต่างชาติ เช่น Resort Home ที่ภูเก็ต และขายแบบ B2B โดยเจาะกลุ่มนักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะใน EEC
นอกจากนี้บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวน 853,081,100 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1:1 ราคาเสนอขาย 3 บาท และออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมaที่ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใช้สิทธิ์แปลงสภาพ 3.60 บาท
โดยมีแผนนำนำเงินเพิ่มทุนไปชำระหนี้ของ ORN เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยและสัดส่วนหนี้สิน คาดว่าสัดส่วนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio: D/E) ลดลงลดลงจาก 2.28 เท่า เหลือประมาณ 1.4 เท่าหลังเพิ่มทุน โดยคาดว่าจะได้รับเงินจากการทำ RO ประมาณ 2,500 ล้านบาท หากมีการใช้สิทธิ์เต็มจำนวน โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 24 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป