
“แรงงานต่างด้าว” เฮ! ไทยจ่อปฏิรูป “ประกันสังคม” เพิ่มสิทธิคุ้มครอง ดันเข้า ม.33
“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เล็งปฏิรูปประกันสังคม เร่งขยายสิทธิ และต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว หวังลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน กระตุ้นเศรษฐกิจไทยเดินหน้าเต็มสูบ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นในหัวข้อ “การแก้ไขกฎหมายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงและกิจการชายแดนของประเทศ” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
โดย นายพิพัฒน์ ระบุว่า กระทรวงแรงงานได้เสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายหลายประการ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวจากเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งขณะนี้มีการต่อใบอนุญาตทำงานเกินกำหนด โดยกำหนดเดิมสิ้นสุดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในส่วนของแรงงานกัมพูชา ขณะนี้ใช้ระบบการต่อใบอนุญาตแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีเป้าหมายให้การดำเนินงานทั้งหมดเป็นระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มความสะดวกและความโปร่งใสในการตรวจสอบ ขณะที่เมียนมาได้ขยายเวลาต่อใบอนุญาตออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีแรงงานของเมียนมาส่งผลให้กระบวนการต่อใบอนุญาตยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้ หากครบกำหนด 6 เดือนแล้วยังไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ กระทรวงแรงงานจะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาขยายเวลาต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังอยู่ระหว่างการหารือแนวทางปฏิรูประบบประกันสังคม โดยเฉพาะประเด็นข้อยกเว้นของอาชีพแรงงานต่างด้าว เช่น หาบเร่ แม่บ้าน และเกษตรกร ซึ่งเดิมไม่อยู่ภายใต้ระบบประกันสังคม ข้อเสนอล่าสุดมีแนวทางให้แรงงานกลุ่มนี้สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 33 เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการรักษาพยาบาล รวมถึงสิทธิเงินบำนาญเมื่อเกษียณอายุและเดินทางกลับประเทศต้นทาง โดยขณะนี้ กระทรวงแรงงานได้นำเสนอเรื่องเข้าสู่ ครม.แล้ว และอยู่ระหว่างรอการบรรจุเข้าสู่วาระพิจารณา
รมว.แรงงาน เน้นย้ำว่า การขาดแคลนแรงงานไทยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม ซึ่งหากไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันเวลา อาจก่อให้เกิดผลขาดทุนต่อเจ้าของสวน ดังนั้น กระทรวงแรงงานมุ่งมั่นดำเนินการทุกแนวทางที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ
“คณะกรรมาธิการสามารถหารือกับกระทรวงแรงงานได้โดยตรง เพื่อเร่งรัดข้อเสนอที่จำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เราพร้อมสนับสนุนทุกแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ” รมว.แรงงาน กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการเร่งนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาปรับแก้การให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการแต่งตั้งคณะกรรมการ ทั้งนี้ หากเรื่องดังกล่าวผ่าน ครม.แล้ว จะสามารถดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมในชั้นกรรมาธิการต่อไป
รมว.แรงงาน ยังกล่าวถึงกระบวนการทำประชาพิจารณ์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า มีการกำหนดแนวทางไว้ว่า หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างไม่สามารถมาใช้สิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาได้ แต่ก่อนที่จะดำเนินการแต่งตั้ง ต้องผ่านการพิจารณาจากบอร์ดประกันสังคมตามมาตรา 8 และมาตรา 9
รมว.แรงงาน ย้ำว่า ตามหลักการแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคมโดยตรง แต่ต้องดำเนินการภายใต้กระบวนการที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
นอกจากนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการประชุมวันที่ 12 มีนาคม 2568 เพื่อเร่งรัดการพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการยกระดับสิทธิแรงงาน
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวและปรับปรุงระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้เกิดความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต