ORI ปมการเงินที่ท้าทาย.!

ต้องบอกว่าสถานการณ์ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ช่วง 2-3 ปีมานี้ อยู่ในภาวะยากลำบากแสนสาหัสก็ว่าได้ สะท้อนได้จากผลประกอบการงวดปี 2567 ของกลุ่มอสังหาฯ


ต้องบอกว่าสถานการณ์ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ช่วง 2-3 ปีมานี้ อยู่ในภาวะยากลำบากแสนสาหัสก็ว่าได้ สะท้อนได้จากผลประกอบการงวดปี 2567 ของกลุ่มอสังหาฯ ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สิ่งที่ไม่ลดคงเป็นหนี้สินละมั้ง หรือลดลงก็ไม่มาก แถมดอกเบี้ยวิ่งทุกวันอีก..!!

ด้วยยอดขายที่ยังไม่ฟื้น โดย ณ สิ้นปี 2567 มีสต๊อกเหลือขายบานเบอะกว่า 1.34 ล้านล้านบาท ทำให้การได้มาของกระแสเงินสดเริ่มฝืดเคือง ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…

หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ของเฮียโด่ง–พีระพงศ์ จรูญเอก ที่นอกจากงบปี 2567 กำไรสุทธิจะลดฮวบเหลือแค่ 1,051.79 ล้านบาท ลดลง 61.3% จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 2,718.23 ล้านบาทแล้ว ยังมีภาระหนี้หุ้นกู้ที่ค้ำคออยู่หลายรุ่นด้วยกัน มูลค่ารวมกว่า 11,989.20 ล้านบาท

แต่ภาระหนักอึ้งที่ต้องเร่งสะสาง คงเป็นหุ้นกู้รุ่น ORI254A มูลค่า 2,965 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 27 เม.ย. 2568 นี้ ตามมาด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนช่วงเดือน ก.ย. 2568 อีก 2 รุ่น มูลค่ารวม 1,982.20 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นกู้รุ่น ORI259A มูลค่า 982.20 ล้านบาท และหุ้นกู้รุ่น ORI259B มูลค่า 1,000 ล้านบาท ทั้ง 2 รุ่นครบกำหนดไถ่ถอนพร้อมกันในวันที่ 1 ก.ย. 2568

ล่าสุด ORI ก็เตรียมจะเปิดขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 รุ่น ช่วงระหว่างวันที่ 1-3 เม.ย.นี้ ได้แก่ รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี และรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.15% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้…คงไม่แคล้วมา Roll over หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนปลายเดือน เม.ย.แหละ…

ที่น่าสนใจ ถ้าไปส่องสถานะการเงิน ณ สิ้นปี 2567 ของ ORI มีหลายจุดที่น่าเป็นห่วง อย่าง Current ratio หรืออัตราส่วนสภาพคล่อง อยู่ที่ 2.11 เท่า คงที่จากปี 2566 ที่ 2.11 เท่า ซึ่งผิวเผินก็ดูดีแหละ เนื่องจากมีสินทรัพย์หมุนเวียนรวมอยู่ระดับสูงที่ 43,023.15 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินหมุนเวียน 20,348.83 ล้านบาท แต่อย่าลืมว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นบ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังขายไม่ได้ อุ๊ย…รอการขายนะออเจ้า

ดังนั้น ไส้ในไม่ได้ดีอย่างที่เห็นนะจิบอกให้…

หันไปดูอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยก็แย่ลงมาก ในปี 2567 อยู่ที่ 3.34 เท่า ลดลงจากปี 2566 ที่ 9.63 เท่า ส่วนอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick ratio) อยู่ที่ 0.22 เท่า แย่ลงจากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 0.30 เท่า

ในขณะที่มีวงจรเงินสด (cash cycle) อยู่ที่ 1,936.55 วัน แย่ลงจากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 1,472.74 วัน นั่นหมายความว่าโครงการต่าง ๆ ที่ลงทุนไปแล้ว กว่าจะผันมาเป็นเงินสดได้ต้องใช้เวลา 1,936.55 วัน หรือรอจนเหงือกแห้งกว่า 5 ปีเลยทีเดียว…

ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E ratio) ยังอยู่ระดับสูงที่ 2.05 เท่า แม้จะลดลงมาบ้างจากปี 2566 ที่ 2.09 เท่า โดย ณ สิ้นปี 2567 ORI มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในกระเป๋า 1,440.82 ล้านบาท

ดู ๆ ไปเหมือน ORI กำลังเผชิญความท้าทายด้านการเงินนะเนี่ย..!!

ถามว่าท้าทายมากน้อยแค่ไหน…อันนี้ไม่รู้ แต่ที่รู้ล่าสุดมีการนำสินทรัพย์เก่ามาเร่ขายเพื่อเติมสภาพคล่องแล้วนะ เริ่มจากในปีนี้เตรียมจะขายโรงแรมจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1) โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท กรุงเทพ ทองหล่อ และ 2) โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท กรุงเทพ สุขุมวิท คาดจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ประมาณ 500 ล้านบาท และคาดจะมีกระแสเงินสดเข้ามาประมาณ 1,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะขายโรงแรมเพิ่มอีก 4 แห่ง ภายในปี 2569-2570 ด้วยนะ

ไม่หมดเท่านี้ ในปี 2568 ยังมีแผนขายสินทรัพย์ประเภทคลังสินค้าเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) 4 โครงการ ซึ่งคาดจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ประมาณ 125 ล้านบาท และคาดจะมีกระแสเงินสดเข้ามาประมาณ 350 ล้านบาท รวมทั้งจะขายสินทรัพย์ประเภทคลังสินค้าเข้ากอง REIT เพิ่มอีก 5 แห่งในปี 2569-2570

ทั้งหมดสะท้อนว่า ORI เริ่มเข้าตาจนแล้วนะ..??

ก็หวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายในเร็ววัน…

เอาใจช่วยนะคะเฮียโด่ง..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button