
CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,175-1,225 จุด ชู 2 หุ้นเด่น SCB-ERW
CGSI คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,175-1,225 จุด พร้อมจับตาปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมาตรการฟื้นฟูตลาดหุ้นไทย
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI คาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ภายในกรอบ 1,175-1,225 จุด โดยมีโอกาสเกิดแรงรีบาวด์ระยะสั้น หลังจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐอ่อนตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับทิศทางดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index) ที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนให้กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย
โดยตลาดยังคงต้องติดตามปัจจัยสำคัญหลายประการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขตำแหน่งงานว่างของสหรัฐฯ ประจำเดือนมกราคม ซึ่งตลาดคาดการณ์อยู่ที่ 7.67 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 7.60 ล้านตำแหน่ง โดยมีกำหนดรายงานในวันอังคาร รวมถึงดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.9% เมื่อเทียบรายปี ลดลงจาก 3.0% ในเดือนก่อนหน้า และมีกำหนดรายงานในวันพุธ
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่คาดการณ์ว่าจะรายงานในวันพฤหัสบดี หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ จะรายงานในวันพฤหัสบดี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในวันศุกร์
ด้านปัจจัยภายในประเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เสนอแผนมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย โดยเสนอให้มีการจัดตั้งบัญชีลงทุนบุคคลธรรมดา (Thailand Individual Saving Account – TISA) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับบัญชีการลงทุนของญี่ปุ่น (NISA) โดยนักลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปใช้ลดหย่อนภาษีสำหรับการถือครองระยะยาว โดยมีเงื่อนไขว่าการลงทุนต้องถือครองจนถึงวัยเกษียณจึงสามารถขายออกมาได้โดยไม่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อประเมินผลกระทบต่อรายได้จากการจัดเก็บภาษี
สำหรับหุ้นแนะนำประจำสัปดาห์ ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งแนะนำกลยุทธ์การซื้อขาย (Trading) สำหรับหุ้นกลุ่มโรงแรมในประเทศ โดยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีน ภายหลังรัฐบาลจีนขยายการขาดดุลงบประมาณจาก -3% เป็น -4% ของ GDP
ทั้งนี้ ผู้บริหาร ERW คาดการณ์รายได้ในปี 2568 เติบโต 10% เมื่อเทียบรายปี (YoY) โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการใช้ห้องพัก (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรม โดยมีราคาเป้าหมายทำกำไร (Take Profit) ที่ 3.50 บาท และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ 3.20 บาท
อีกหนึ่งหุ้นแนะนำคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ซึ่งแนะนำลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (High Yield) ซึ่งมี Dividend Yield ที่น่าสนใจสำหรับปี 2568 อยู่ที่ 9.0% ท่ามกลางสภาวะสินเชื่อที่เติบโตช้า โดยมีราคาเป้าหมายทำกำไร (Take Profit) ที่ 127 บาท และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ 119 บาท