
DITTO บวกแรง 5% ตุนแบ็กล็อกแน่น 4 พันล้าน-รอลุ้นสวนสัตว์ใหม่เฟส 2
DITTO บวกแรง 5% โชว์ในมือกว่า 4 พันล้านบาท รอคิวเซ็นสัญญาใหม่เข้าเพียบ มีลุ้นโครงการสวนสัตว์แห่งใหม่เฟส 2 มูลค่า 4 พันล้านบาท พ่วงธุรกิจ Carbon Credit ลุ้นกฏหมาย “ภาคบังคับ”กลางปีนี้ เริ่มมีรายได้อย่างมีนัยสำคัญปี 2570
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(10 มี.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ณ เวลา 10:26 น.อยู่ที่ระดับ 11.00 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.76% ราคาต่ำสุด 10.50 บาท ราคาสูงสุด 11.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 25.87 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จํากัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า DITTO มีรายได้หลักจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ บริการทางด้านระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร คิดเป็นสัดส่วน 29% และธุรกิจ Innovation Technology Engineering Project คิดเป็นสัดส่วน 51% โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการสำคัญ เช่น โครงการสวนสัตว์แห่งใหม่เฟสแรก มูลค่า 5.3 พันล้านบาท และโครงการพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า มูลค่า 2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นใน Consultum แต่ละโครงการในสัดส่วน 25-30% ขณะที่ธุรกิจ Printer ไม่ได้เป็นจุดเน้นอีกต่อไป ทำให้รายได้ในส่วนนี้เหลือ 0%
โดย DITTO รายงานกำไรสุทธิ 458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับรายได้ที่เติบโต 33.9% แตะ 2.4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 29.8% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 27.1% เนื่องจากสัดส่วนโครงการ Innovation Technology Engineering เพิ่มขึ้นเป็น 49.4% ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรลดลงในช่วงก่อสร้าง อย่างไรก็ดี คาดว่างานบำรุงรักษา (MA) ซึ่งคิดเป็น 20% ของมูลค่าโครงการ จะช่วยหนุนอัตรากำไรในระยะถัดไป
งานในมือและแนวโน้มการเติบโต
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 DITTO มีงานในมือรวม 4.1 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ 2.3 พันล้านบาท และงานบริหารจัดการเอกสาร 1.8 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2025 ประมาณ 3 พันล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารตั้งเป้าประมูลงานเพิ่มเติม 1 พันล้านบาทในช่วงกลางปี ทั้งนี้ ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีงานใหม่อีกประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ โดยในจำนวนนี้ 4 พันล้านบาท จะเป็นโครงการสวนสัตว์แห่งใหม่เฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลปลายปีนี้ สำหรับเฟส 1 มีความคืบหน้าแล้ว 46% อย่างไรก็ตาม มีการปรับแบบโครงการ ทำให้ผู้ว่าจ้างขยายเวลาเสร็จสิ้นไปเป็นปี 2026
ธุรกิจใหม่ Carbon Credit เตรียมเปิดตัว
DITTO อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการชาชายแลน 1.7 แสนไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิต Blue Carbon ที่สามารถดูดซับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงกว่าพื้นที่ทั่วไป 3-10 เท่า โดยคาดว่าพื้นที่โครงการจะสามารถผลิต Carbon Credit ได้ถึง 100,000 ตันต่อปี พื้นที่ปลูกใหม่รวม 20,000 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นการสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ให้ดูแลและบำรุงรักษาป่า โดยบริษัทมีแผนแบ่งผลประโยชน์จากโครงการให้เกษตรกรในสัดส่วน 20% ในอนาคต
จากการสอบถามผู้บริหารเกี่ยวกับตลาด Carbon Credit ในประเทศไทย พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้:ปัจจุบันตลาด Carbon Credit ในไทยยังอยู่ในภาค “สมัครใจ” ทำให้ราคาซื้อขายอยู่ที่ 200-300 บาท/ตัน ซึ่งต่ำกว่าราคาในสิงคโปร์ที่อยู่ที่ 25 ดอลลาร์สิงคโปร์/ตัน (ประมาณ 634 บาท/ตัน) โดยเครื่องมือสำคัญที่จะผลักดันตลาดไปสู่ภาคบังคับคือ การออกกฎหมาย Carbon Tax ซึ่งสิงคโปร์ได้เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2019 นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออื่นๆ เช่น การหักกลบ Carbon Credit และการกำหนดโควต้าการปล่อยคาร์บอน เป็นต้น
โดยประเทศไทยอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อผลักดันตลาด Carbon Credit สู่ภาคบังคับ โดยคาดว่ากระบวนการอนุมัติจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ และเริ่มบังคับใช้ในปี 2569 ทั้งนี้ ผู้บริหารเชื่อว่าตลาดซื้อขาย Carbon Credit ในภาคบังคับจะเกิดขึ้นภายในปี 2570 ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ DITTO จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากโครงการของบริษัท
ปัจจุบัน ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทุกภาคส่วนรวมกันประมาณ 385 ล้านตันต่อปี (จากภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบำบัดของเสีย) ขณะที่โครงการของ DITTO ซึ่งดำเนินการบนพื้นที่ 1.7 ล้านไร่ คาดว่าจะสามารถผลิต Carbon Credit ได้ราว 1 ล้านตันต่อปี จะเห็นได้ว่าความต้องการในตลาดยังมีมากกว่าอุปทานอย่างมหาศาล
ปัจจุบัน DITTO เป็นผู้เล่นรายเดียวที่มุ่งพัฒนา Carbon Credit ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในอนาคต