“มาดามแป้ง” ไม่ล้มสัญญา PLANB ดูแลผลประโยชน์ “สมาคมบอล”

“มาดามแป้ง” นายก ส.บอล ยืนยันไม่ยกเลิกสัญญา PLANB หลังเจรจาผู้บริหารแล้ว จ่อเพิ่มเงินการันตี-ลดรายได้-คืนสิทธิ์บางอย่าง ด้าน บล.กรุงศรี ชี้ราคาหุ้น PLANB ดิ่งหนักวันนี้ คาดถูกดันจากปัญหาในสมาคมฟุตบอลไทย ประเมินกรณี Worst case กระทบกำไร 2% คงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 9.35 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (11 มี.ค. 68) นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ “มาดามแป้ง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ออกมาแถลงข่าว มีการเกี่ยวกับอนาคตของผู้ได้รับสิทธิ์บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฯ นั้นคือ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB  หลังมีประเด็นที่สมาคมฯ มีคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต และจะต้องจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยให้สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด

มาดามแป้ง ยืนยันว่า สมาคมฯ ไม่ยกเลิกสัญญากับ PLANB แม้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมฯ คนก่อนหน้า ได้ทำการต่อสัญญาดูแลสิทธิประโยชน์กับ PLANB ไปแล้วถึงปี 2571 เพราะกลัวซ้ำรอยกับ สยามสปอร์ต

ซึ่งหลังจากเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตนได้เจรจากับผู้บริหาร โดย PLANB จะเพิ่มเงินการันตีรายได้สิทธิประโยชน์มากขึ้น และลดรายได้ส่วนผลประโยชน์ หรือคอมมิชชั่นลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นยังคืนสิทธิบางอย่าง เช่น การขายตั๋วของไทยทิคเก็ตเมเจอร์และการบริหารถ่ายทอดสดช่องอื่น ๆ อย่าง ไทยรัฐ หรือ PPTV

สำรวจความร่วมมือระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับ PLANB

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน ปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ ออกมาประกาศว่า PLANB  คว้าสิทธิ์ในการดูแลผลประโยชน์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ 8 ปี และบริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์ จำกัด (PLT) เป็นเวลา 4 ปี โดยมีการันตีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 3,240 ล้านบาท สำหรับข้อตกลงทางการเงินจากสัญญาดังกล่าว มีดังนี้

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

  • รายได้ขั้นต่ำ 4 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท (250 ล้านบาทต่อปี)
  • สนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท (200 ล้านบาทต่อปี)
  • รวมรายได้ตลอดสัญญา 1,800 ล้านบาท (450 ล้านบาทต่อปี)

บริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์ (PLT)

  • รายได้ขั้นต่ำ 4 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,040 ล้านบาท (260 ล้านบาทต่อปี)
  • สนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท (100 ล้านบาทต่อปี)
  • รวมรายได้ตลอดสัญญา 1,440 ล้านบาท (360 ล้านบาทต่อปี)

อย่างไรก็ตาม ในส่วนสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโตโยต้า ไทย ลีก และดิวิชั่น 1 ยังคงเป็นของทรูวิชั่นส์ ตามสัญญามูลค่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ PLANB ยังเป็นผู้คัดเลือกบริษัท มอลเทน (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้ผลิตลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการ สำหรับการแข่งขันในประเทศ ตั้งแต่ปี 2564 – 2571

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า ราคาหุ้น PLANB ที่ลดลงหนักกว่า 10% วันนี้คาดว่า ถูกกดดันจากความกังวลปัญหาสมาคมฟุตบอลไทย ประเมินกรณี Worst case กระทบกำไร 2%

หลังจากเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.68) มาดามแป้ง แถลงปัญหากรณีสมาคมฟุตบอลไทย แพ้คดีต้องชำระค่าเสียหายให้คู่ความ 360-560 ล้านบาท ทำให้จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายกสมาคมฯ คนก่อน ที่มีการยกเลิกสัญญาคู่กรณี และพยายามหารายได้มาจ่ายค่าเสียหายให้สมาคมฟุตบอลไทย เดินหน้าต่อไปได้

ข้อแรก PLANB ได้สิทธิการบริหารมาด้วยวิธีการประมูลอย่างถูกต้อง (ตามข่าวมาดามแป้งไม่ได้พูดถึงว่ามีการทุจริตการประมูลรอบใหม่)​ เราจึงคาดว่าปัญหาข้างต้น (การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายกสมาคมคนก่อนหน้า)​ จะไม่ส่งผลต่อสัญญาสัมปทานระหว่าง PLANB และสมาคมฟุตบอลไทย

ข้อสอง กรณีอาจมีการเจรจาขอลดผลตอบแทนในบางส่วนจาก PLANB เพื่อให้สมาคมฟุตบอลไทย มีสภาพคล่องพอที่จะดำเนินงานต่อไปได้ (ในทางคู่ขนานสมาคมฟุตบอลไทยฯ ก็จะไปเจรจากับผู้เสียหายเพื่อขอผ่อนผันการชำระค่าเสียหายด้วย)​ กรณีนี้เบื้องต้นทางนักลงทุนสัมพันธ์ PLANB เผยว่ามีการเจรจาจริง แต่ยังไม่มีข้อสรุป

มุมมองของฝ่ายวิจัย มองว่า PLANB ได้สัญญาอย่างถูกต้อง ดังนั้น PLANB อาจไม่ลดผลตอบแทนตามที่สมาคมฟุตบอลไทย ร้องขอมาก็ได้ และ ถ้า PLANB ช่วยคงต้องรอความชัดเจนว่า PLANB จะช่วยเท่าไร และได้รับสิ่งใดชดเชยมาหรือไม่

โดยปี 2567 ที่ผ่านมา PLANB ได้ส่วนแบ่งรายได้จากการบริหารสิทธิให้สมาคมฟุตบอลไทย จำนวน 250 ล้านบาท (จากรายได้ที่หาได้ 1.2 พันล้านบาท) และมีต้นทุนการสนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์จำนวน 200 ล้านบาท เท่ากับว่า PLANB มีกำไร (ก่อนหักภาษี)​ จากการบริหารสิทธิจำนวน 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4% ขอกำไร PLANB ในปี 2567

ดังนั้น กรณี Worst Case ถ้าถอดกำไรก้อนดังกล่าวออกจากประมาณการ จะกระทบกับกำไร PLANB ไม่เกิน 4% (ซึ่งจริง ๆ อาจต่ำกว่านั้น เพราะคาดกำไรจากส่วนอื่น ๆ ของ PLANB มีการเติบโตในปีถัด ๆ ไปทุกปี)​ และกระทบราคาเป้าหมายไม่เกิน 1%

ดังนั้น กรณีที่ราคาหุ้น PLANB ลดลงมาในวันนี้จากความกังวลข้างต้น เรามองเป็นโอกาสเข้าลงทุน คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.35 บาท (ยังไม่รวม Upside จากแผนการเพิ่มกำลังให้บริการ 50%)

Back to top button