กกร. บุกทำเนียบพรุ่งนี้! ถก “แพทองธาร” รับมือนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” กระทบเศรษฐกิจไทย

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน เตรียมเข้าพบนายกฯ หารือรับมือนโยบายทรัมป์ 2.0 หวั่นกระทบเศรษฐกิจไทย เหตุเกินดุลการค้าสหรัฐฯ 4-5 แสนล้าน


วันนี้ (12 มี.ค.68) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย, สภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย และ ส.อ.ท. ตรียมเข้าพบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงมาตรการรองรับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.68)

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ในช่วงต้นเดือน เมษายน 2568 สหรัฐฯ จะพิจารณากำหนดกำแพงภาษีกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มเติม ซึ่งไทยอาจเข้าข่าย เพราะปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับมาตรการภาคเอกชน จะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ มีหลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อของหน่วยงานภาครัฐ ขอให้กำหนดสัดส่วนสินค้าที่มาจากผู้ผลิตในประเทศ (Made in Thailand) เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 50% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 4-5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศ อีกทั้งไม่สร้างภาระทางการคลัง

ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการป้องกันสินค้าราคาถูกจากจีนทะลักเข้ามาแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มียอดนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 27% จากเดือนมกราคม ปี 2567 กระทบกับ 24 กลุ่มอุตสาหกรรม กกร. จะนำเสนอทั้งมาตรการระยะสั้น กลาง และยาว เช่น กวดขันมาตรฐานสินค้าด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก

“ผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 เป็นเรื่องเร่งด่วน หลังหารือกับนายกฯ แล้ว เชื่อว่าจะมีมาตรการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน” นายเกรียงไกร กล่าว

ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการดิจิทลวอลเล็ต เฟส 3 ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ต้องรอดูผลลัพธ์ที่ตามมา ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และรัฐบาลน่าจะมีเหตุผลในการดำเนินโครงการดังกล่าว พร้อมย้ำว่า ภาคอุตสาหกรรมไม่ขัดเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ขอให้แรงงาน Upskill, Reskill และ Newskill เพราะนายจ้างพร้อมจ่ายค่าแรงแบบ Pay by Skills ซึ่งในบางอุตสาหกรรมได้ค่าจ้างสูงถึงวันละ 1,000 บาท

นอกจากนี้ นายเกรียงไกร เห็นด้วยที่รัฐบาลจัดตั้งกองทุน Thai ESG Extra (TESGX) เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดทุนและสร้างความเชื่อมั่น เนื่องจากตลาดหุ้นเกิดความตื่นตระหนกได้ง่าย เป็นแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการได้ดีแล้ว ส่งเสริมธุรกิจที่มีความยั่งยืนสอดคล้องกับทิศทางของโลก

ส่วนเรื่องค่าไฟนั้น ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ทางภาคเอกชนกำลังรอดูนโยบายของรัฐบาลว่าจะมีมาตรการอย่างไรที่จะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถแข่งขันกับต่างประเทศ เพราะค่าไฟฟ้าสูงจะเป็นต้นทุนสำคัญ มองว่าอัตราที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 3.30-3.50 บาทต่อหน่วย

Back to top button