
นายกฯ ปลื้มยอดลงทุนพุ่ง 1.13 ล้านล้าน ทุบสถิติรอบทศวรรษ – ดันมาตรการไทยแข่งขันง่ายขึ้น
นายกฯ “แพทองธาร” ปลื้มยอดลงทุนทะลุ 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-เทคโนโลยี ดึงดูดนักลงทุน ขณะที่รองนายกฯ “พิชัย” ชี้เจรจาการค้าสำเร็จแล้ว 23 ประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (12 มี.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) ภายใต้แนวคิด “Ignite Thailand: Invest in Endless Opportunities”
นางสาวแพทองธาร กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” เน้นย้ำว่าท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลก ไทยต้องเร่งเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้เป็นโอกาส ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยสู่การเติบโตครั้งใหญ่
รัฐบาลเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งสำคัญ เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนระยะยาว อาทิ รถไฟความเร็วสูง-รถไฟทางคู่ เฟส 2 เชื่อมต่อระดับภูมิภาค, ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 และการพัฒนาท่าอากาศยาน เพิ่มศักยภาพด้านขนส่ง และโครงการแลนด์บริดจ์ (Land bridge) เชื่อมอันดามัน-อ่าวไทย ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งเอเชีย
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาไทยทำสถิติยอดส่งเสริมการลงทุนสูงสุดในรอบทศวรรษ กว่า 1.13 ล้านล้านบาท เป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 10 ปี พร้อมขอบคุณบีโอไอที่ทำงานหนัก แต่รัฐบาลยังมีอีกหลายเรื่องต้องเร่งเดินหน้าเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน และสร้างความมั่นใจให้ไทยเป็นจุดหมายการลงทุนชั้นนำ
รัฐบาลเตรียมพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยี รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ และคลาวด์ ขณะเดียวกันมีแผนผลิตบุคลากรด้านเทคโนโลยีกว่า 80,000 คน และดึงดูดแรงงานฝีมือจากทั่วโลก พร้อมผลักดันมาตรการส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนให้แข่งขันได้ง่ายขึ้น
รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต, การเกษตร-อาหาร, การท่องเที่ยว และการแพทย์
“ประเทศไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนแห่งอนาคต และรัฐบาลจะทำให้การลงทุนในไทยเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพื่อให้นักลงทุนทั่วโลกมั่นใจ” นางสาวแพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ความพร้อมประเทศไทยเพื่อการเป็นจุดหมายการลงทุนระดับโลก” โดยระบุว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้เดินทางไปชักจูงการลงทุนอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมใหม่ ทั้งเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็ทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์สมัยใหม่ และไบโอเทคโนโลยี และจากตัวเลขการลงทุนที่ออกมากว่า 1.13 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยรัฐบาลจะเร่งดำเนินการเจรจาทางการค้า ซึ่งขณะนี้สำเร็จไปแล้ว 23 ประเทศ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีตลาดมากขึ้น และไทยมีศักยภาพในการเป็นจุดหมายการลงทุนระดับโลก
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า แนวโน้มสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศไทยเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบ และทำให้มั่นใจว่าโครงการที่ได้รับการส่งเสริมต้องมีกระบวนการผลิตในสาระสำคัญเกิดขึ้นจริงภายในประเทศและไม่มีการสวมสิทธิ พร้อมส่งเสริมให้ใช้ชิ้นส่วนในประเทศ รวมถึงการร่วมทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ผลิตไทย
นอกจากนี้ บีโอไอได้ทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อลดผลกระทบจาก การปฏิรูประบบภาษีระหว่างประเทศ(Global Minimum Tax หรือ GMT) โดยให้เครดิตภาษี จากการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น ด้านวิจัยและพัฒนา ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนมีภาระภาษีลดลง