ตลท.ชี้ SET ก.พ. ปรับฐานลง 18% ชู 5 กลุ่มอุตสาหกรรมชนะตลาด

ตลาดหลักทรัพย์ ชี้ SET เดือนก.พ.68 อยู่ในช่วงปรับฐานซึ่งลดลงกว่า 17.9% แต่มีกลุ่มอุตสาหกรรม 5 กลุ่มที่ยังแข็งแกร่งกว่าตลาด คือ กลุ่มการเงิน, กลุ่มเกษตรและอาหาร, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มบริการ, และกลุ่มทรัพยากร


นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index อยู่ในช่วงปรับฐานซึ่งลดลงกว่า 17.9% จากระดับสูงสุดในรอบนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแนวโน้มในอดีต และหากพิจารณามูลค่าพื้นฐานของตลาดพบว่าระดับ P/E อยู่ที่ 12.5 – 16.6 เท่า และ P/BV เพียง 1.2 – 1.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบการปรับฐานครั้งก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ

โดยการปรับฐานของตลาดในรอบนี้หุ้นที่ปรับตัวลดลงมากส่วนใหญ่มาจากกลุ่มหุ้นที่มี P/E Ratio สูง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนพยายามออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ SET Index โดยเน้นด้านการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง การจำกัดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงมีปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นโดยเฉพาะการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่และส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของ บจ. และยกระดับ CG

โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index ปิดที่ 1,203.72 จุด ลดลง 8.4% จากสิ้นเดือนมกราคม 2568  ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index ปรับลดลง 14.0%

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มการเงิน, กลุ่มเกษตรและอาหาร, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มบริการ, และกลุ่มทรัพยากร

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 52,041 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ห้าเดือนต่อเนื่อง

บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER

สำหรับ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.3 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.2 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 4.03% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.27%

สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนกุมภาพันธ์ 2568

ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 485,359 สัญญา เพิ่มขึ้น 24.0% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ทำให้ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 434,992 สัญญา ลดลง 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Gold Online Futures

Back to top button