ส.บอลไทย รอยบาป ‘บิ๊กอ๊อด’

แหม๊...ว่าจะไม่แตะดราม่าร้อนสมาคมฟุตบอลไทยแห่งประเทศไทยฯ แล้วนะ แต่มันอดใจไม่ได้จริง ๆ พับผ่าสิ..!!


แหม๊…ว่าจะไม่แตะดราม่าร้อนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แล้วนะ แต่มันอดใจไม่ได้จริง ๆ พับผ่าสิ..!!

เพราะหลังจาก “มาดามแป้ง”-นวลพรรณ ล่ำซำ อดรนทนไม่ไหว ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวทั้งน้ำตาถึงแนวทางการดำเนินการหลังสมาคมฟุตบอลฯ แพ้คดีบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ที่ว่าด้วยเรื่องการยกเลิกสัญญาอย่างไม่เป็นธรรม จนต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยประมาณ 200 ล้านบาท

แถม “มาดามแป้ง” ยังเปิดปฏิบัติการแฉหมดเปลือก…อุ๊ย เปิดเผยข้อมูลทางการเงินของสมาคมฯ ที่ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนมาก่อนอีกต่างหาก…งั้นต้องไปล้วงลึกปมดราม่าร้อนกันซะหน่อย..!?

ก็ต้องกลับไปแสวงหาข้อเท็จจริงซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2559 ในยุคที่ “บิ๊กอ๊อด”-“พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” เป็นนายกสมาคมฯ นั่นแหละ…

ความเดิมตอนนั้น ในยุคที่ “บังยี”-วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถูกฟีฟ่าสั่งลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล ทำให้ไม่สามารถลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยที่ 5 ได้ ก็เป็นจังหวะให้ “บิ๊กอ๊อด” ซึ่งตอนนั้นเพิ่งพ้นตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 10 พอดิบพอดี ที่มี “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นแบ็ก ได้นั่งเก้าอี้นายกสมาคมฯ สมใจ

การมาเป็นใหญ่ในสมาคมฟุตบอลไทยของ “บิ๊กอ๊อด” นอกจากการยกเลิกสัญญาบริหารสิทธิประโยชน์กับสยามสปอร์ต ซึ่งทำไว้ในยุค “บังยี” แต่ยังเหลือเวลาอีกหลายปี จนนำมาสู่การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสมาคมฯ กว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งสุดท้ายศาลสั่งให้ชดใช้เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

อ้อ…คนที่ได้ประโยชน์จากการยกเลิกสัญญาดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…แต่เป็นบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB หุ้นที่หลายคนมีอยู่ในพอร์ตนั่นแหละ…

ที่น่าตกใจคือ จากการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของสมาคมฟุตบอลฯ พบว่ามีหนี้สินกว่า 132 ล้านบาท แต่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเหลือเพียง 27 ล้านบาทเท่านั้น…เท่ากับว่าเงินสดของสมาคมฯ พร่องไป แต่กลับมีหนี้สินพอกพูนขึ้นมา…

ขณะที่ การพ้นตำแหน่งนายกสมาคมฯ ของ “บิ๊กอ๊อด” นอกจากทำให้เกิดคดีความ และทำให้สมาคมฯ แพ้คดีแล้ว ยังเกิดหนี้ก้อนโตตามมา ซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่า มาใช้ในกิจการของสมาคมฯ จำนวน 5 ล้านเหรียญฯ เทียบเงินไทยเป็นมูลค่า 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ทั้ง ๆ ที่ฟีฟ่ามีเงินสนับสนุนให้กับชาติสมาชิกปีละ 1.25 ล้านเหรียญฯ ทุกปีอยู่แล้ว

ซึ่งไม่ชัดว่า “บิ๊กอ๊อด” กู้เงินฟีฟ่าไปทำอิหยัง..?? แต่ที่ชัดคือทำให้สมาคมฯ ต้องแบกหนี้หลังอาน…

ไม่เท่านั้น ยังมีการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีกให้ต่างประเทศ รวมทั้งขาย Data analysis (การวิเคราะห์ข้อมูล) เพื่อนำไปสู่ Betting Live (การพนันออนไลน์) ให้กับ perform มาเลเซีย จนถึงปี 2571 ด้วยนะ

และมีข้อครหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายค่าทนายในการฟ้องร้องกับสยามสปอร์ต ซึ่งตกลงจ่ายศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์และฎีกา ชั้นละ 300,000 บาท แต่กลับจ่ายค่าทนายในชั้นฎีกาสูงถึง 30 ล้านบาท

ไม่นับรวมที่ “บิ๊กอ๊อด” รับเงินเดือนจากสมาคมฯ และบริษัท ไทยลีก รวมเดือนละ 1 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 32 ล้านบาท ซึ่งนายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยฯ ไม่สามารถรับเงินเดือนได้ เพราะไม่ใช่ลูกจ้างสมาคมฯ เป็นการอาสาเข้ามาทำงาน และยังไม่พบว่ามีการคืนเงินให้สมาคมฯ แต่อย่างใด

ต้องบอกว่า การมาของ “บิ๊กอ๊อด” เข้ามา “รื้อ” จนเป็น “คดี” และสุดท้ายเป็น “หนี้” นะเนี่ย…

ก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำที่แสลงใจแฟนฟุตบอลทีมชาติไทย…ทำให้ทุกวันนี้สมาคมฟุตบอลไทยก้าวได้ไม่เต็มที่ เพราะมีชนักปักหลังอยู่…

น่าเห็นใจ “มาดามแป้ง” ที่ต้องมาตามล้างตามเช็ดอะนะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button