พาราสาวะถี

เกาะติดแบบกัดไม่ปล่อยสำหรับ รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน กับปมกองทุนประกันสังคมทุ่มเงิน 7 พันล้านบาท ซื้อตึกสกายไนน์ เซ็นเตอร์


เกาะติดแบบกัดไม่ปล่อยสำหรับ รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน กับปมกองทุนประกันสังคมทุ่มเงิน 7 พันล้านบาท ซื้อตึกสกายไนน์ เซ็นเตอร์ ย่านพระราม 9 เป็นการจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ ท่ามกลางความกังขาของสังคม โดยเฉพาะสมาชิกกองทุนประกันสังคม 24.73 ล้านคน แม้ มารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. จะแจงรายละเอียดของการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ แต่เสียงส่วนใหญ่ยังเคลือบแคลงมากกว่าคลายความสงสัย

ด้วยเหตุนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน จึงเซ็นคำสั่งตั้ง อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการใช้เงินกองทุนของสำนักงานประกันสังคม ทำไมจึงเป็นปลัดจากฝั่งคลองหลอด เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจใช้เงินกองทุนกับประเด็นที่เป็นข่าวคือ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ที่เวลานั้นนั่งเก้าอี้เลขาธิการสปส.นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ประเด็นความคุ้มค่าในการลงทุน ผลตอบแทนที่จะได้รับ ความเสี่ยงของเงินที่นำไปใช้ เป็นเรื่องที่ต้องรอกระบวนการตรวจสอบ และใช้เวลาในแง่ของผลประโยชน์ที่จะได้รับคืนมาจากการลงทุน แต่กรณีการตรวจสอบเพื่อหวังผลทางการเมืองของผู้แทนพรรคสีส้ม มีคำถามว่าต้องการเล่นงานใคร รัฐบาลปัจจุบันหรือไม่ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น ความรับผิดชอบย่อมไม่ใช่ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีแรงงานจากภูมิใจไทย และ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแน่นอน

ยิ่งการสืบค้นต่อไปเรื่อย ๆ มีการปูดว่าลูกนักการเมืองดังเป็นเจ้าของตึกดังกล่าว เป้าหมายจึงไม่ใช่อุ๊งอิ๊ง เพื่อไทย และภูมิใจไทย ยิ่งพิจารณาไปในแง่ของเม็ดเงินที่ใช้ซื้อตึกร่วม 7,000 ล้านบาท ซึ่งมีการมองว่าน่าจะแพงเกินจริง ประการหนึ่งคือตึกดังกล่าวไม่ใช่ตึกสร้างใหม่ แต่เป็นตึกสร้างไม่เสร็จถูกทิ้งร้างในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ก่อนจะมีการปัดฝุ่นเดินหน้าก่อสร้างอีกครั้ง โดยกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งจนเสร็จเมื่อปี 2565 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท

ขณะที่ผู้ช่ำชองในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ก็มองว่า ราคาที่ สปส.ซื้อมาถือว่าสูงเกินไป พิจารณาจากทำเลที่ตั้งแล้ว ราคาไม่น่าจะเกิน 5,000 ล้านบาท เพราะไม่ได้อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ราคาระดับนี้ควรจะเป็นการซื้ออาคารสำนักงานในโซนซีบีดี เช่น สาทร มากกว่า ด้านอัตราการเช่าก็ยังต่ำ ต้องใช้เวลาอีกกว่า 10 ปีอัตราการเช่าถึงจะเต็ม 100% ซึ่งข้อมูลของเลขาฯ สปส.ที่ชี้แจงก็บอกว่า ปัจจุบันทางอาคารสกายไนน์มีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 45% โดยแบ่งเป็นผู้เช่าที่เข้าใช้พื้นที่แล้วประมาณ 25% และผู้เช่าที่อยู่ระหว่างการทยอยเข้าพื้นที่ภายในปีนี้อีกประมาณ 20%”

ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร สุดท้ายก็ต้องมีผู้ตรวจสอบที่จะต้องมีบทสรุปว่า การซื้อตึกด้วยราคาขนาดนี้แพงเกินจริง กินส่วนต่างกันมโหฬารหรือไม่ ส่วนที่มองว่าถ้าประเด็นนี้ไม่เคลียร์หากมีการซักฟอกอาจจะทำให้รัฐบาลลำบากนั้น น่าจะเป็นพรรคที่อยู่ร่วมฝ่ายค้านมากกว่า เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นในสมัยที่พรรคของตัวเองเป็นเสียงข้างมากในรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ และกำกับดูแลกระทรวงแรงงานนั่นเอง แต่อาจจะปัดพ้นตัว เนื่องจากรัฐมนตรีเวลานั้นเป็น สุชาติ ชมกลิ่น ที่เวลานี้สวมหัวโขนรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ในโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ

หากมีปมไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น งานนี้คงไม่มีคนยอมตายเดี่ยวน่าจะต้องเกิดกระบวนการแฉกันเป็นฉาก ๆ ปิดปากก็ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะไม่สามารถจับมือใครดมได้นั่นก็อีกเรื่อง กรณีนี้คงไม่สามารถเป่าให้เงียบกันได้ อีกไม่นานตัวละครที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะต้องเปิดเผยตัวตน แจกแจงความเกี่ยวข้องเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เรื่องนี้ต้องชมการทำงานของรักชนกที่รวบรวมข้อมูลเปิดเผยให้สาธารณชนได้เห็นความไม่ปกติในการใช้เงินกองทุนประกันสังคม ถือเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ เข้าตาประชาชน

ส่วนเรื่องสำคัญของฝ่ายค้านเวลานี้หนีไม่พ้นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแพทองธารที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งให้แก้ไขโดยถอดชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติ ขณะที่ฝ่ายค้านก็ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ทำตามที่สั่ง ดังนั้น คงจะได้เห็นการเมืองอีกรูปแบบหนึ่งที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติแล้วไม่ได้เปิดซักฟอก เพราะประธานสภาฯ ไม่สามารถบรรจุวาระให้พิจารณาได้ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดกฎหมาย

หลังจากที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทีมงานประธานสภาฯ ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงความจำเป็นในการให้แก้ไขญัตติดังกล่าวไปแล้ว หลังจากนั้นอีก 1 วัน วันนอร์ได้ให้สัมภาษณ์ตอกย้ำถึงเรื่องนี้ ประธานสภาฯ มีอำนาจในการแก้ไขญัตติได้หรือไม่ บอกได้ว่าไม่มีสิทธิ์แก้ไข แต่มีหน้าที่ในการบรรจุวาระหรือไม่บรรจุ และสามารถสั่งให้แก้ไขญัตติได้ หากพบว่ามีข้อบกพร่อง ตามมาตรา 176 หากมีการแก้ไขก็บรรจุตามระเบียบวาระ แต่ถ้าไม่แก้ไขประธานฯ จะบรรจุได้อย่างไร ทุกอย่างต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มาแอบอ้าง

จุดยืนของวันนอร์คือ ตนโดนด่าได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าสภาเละ และไม่มีกฎระเบียบ สังคมก็จะประณามสภา ยืนยันด่าตนได้ไม่เป็นไร เพราะตนก็ไปตามเวลา แต่สภาต้องอยู่ กฎกติกาต้องอยู่ “จะปล่อยให้สภาเละ เพื่อเอาใจคนใดคนหนึ่งไม่ได้” พร้อมย้ำด้วยว่า เรื่องปกป้องตอบแทนบุญคุณทักษิณเป็นไปไม่ได้ บุญคุณก็ส่วนหนึ่ง แต่งานในหน้าที่งานของบ้านเมืองไม่สามารถแลกเรื่องบุญคุณและความรู้จักได้

กรณีนี้ทำให้เห็นการที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูงนั้น สามารถที่จะแบกรับภาระแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ได้ เหมือนยุค ชวน หลีกภัย ที่ทำหน้าที่หนังหน้าไฟใช้หลักการที่เป็นจุดแข็งชนแทนรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจในเวลานั้น ขณะที่บทบาทของวันนอร์วันนี้ก็ไม่ต่างกัน กับญัตติซักฟอกวันนี้เจ้าตัวยืนยันไม่ใช่แค่ชื่อทักษิณ จะใส่ชื่อคนอื่นในญัตติไม่ได้ ต้องเป็นชื่อของนายกฯ หรือคณะรัฐมนตรี ยืนยันบนระเบียบ ข้อบังคับอย่างแข็งขัน โดยไม่สนใจแรงกระแทกกลับมาว่าจะเป็นอย่างไร

อรชุน

Back to top button