
“ตลท.” เปิดตัวเลขปี 67 บจ. SET โกยกำไร 8.59 แสนล้าน “ท่องเที่ยว-บริการ” โตเด่น
บริษัทจดทะเบียนตลาด SET ปี 67 มียอดขายรวม 17.52 ล้านล้านบาท โต 3% และมีกำไรรวม 8.59 แสนล้านบาท พบธุรกิจท่องเที่ยวและการอุปโภคบริโภค และบริการโตต่อเนื่อง
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 807 บริษัท คิดเป็น 98.9% จากทั้งหมด 816 บริษัท ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2567 โดยผลการดำเนินงานพบว่า มี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 604 บริษัท คิดเป็น 74.8% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า บจ. ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มียอดขายรวม 17.52 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) อยู่ที่ 1.56 ล้านล้านบาท ลดลง 1.1% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 859,401 ล้านบาท ลดลง 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มธุรกิจทั่วไป (ไม่รวมหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์) จะพบว่ายอดขาย กำไรจากการดำเนินงานหลัก และกำไรสุทธิของ บจ. มีการเติบโต ทั้งนี้ ฐานะการเงินของ บจ. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) ที่ 1.49 เท่า ลดลงจาก 1.52 เท่า ในปีก่อน
นายอัสสเดช กล่าวอีกว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวส่งผลบวกต่อผลประกอบการของ บจ. ในหมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีก โรงแรม การบิน โรงพยาบาล โทรคมนาคม และพื้นที่เช่าการค้า
นอกจากนี้ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อันเป็นผลจากกระแสการย้ายฐานการผลิต (relocation) และจำนวนคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่สูงเป็นประวัติการณ์
อีกทั้ง ธุรกิจการเงินยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและส่วนต่างค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงในปี 2567 ยังคงเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและปิโตรเคมี
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2567 ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย บจ. มียอดขายรวม 209,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% ทั้งนี้ บจ. สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 27.9% อยู่ที่ 14,995 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อน