4 หุ้นเด่น! เตรียม Take Off ลุ้นไทยกลับคืนสู่ CAT1 มาตรฐานการบินระดับสากล

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลกลุ่มหุ้น “สายการบิน” ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ จากกรณีองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration: FAA) อยู่ระหว่างการตรวจสอบขั้นสุดท้าย ณ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เพื่อตรวจสอบการแก้ไขข้อบกพร่อง หากไทยผ่านการแก้ไขข้อบกพร่องจะสามารถยกระดับมาตรฐานจาก Category 2 กลับสู่ Category 1 และคาดจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มการบิน โดยเฉพาะ AOT, THAI, AAV และ BA ดังบทวิเคราะห์ได้ระบุไว้ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FAA เข้าตรวจสอบมาตรฐานการบิน 10-12 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา หลัง CAAT เร่งแก้ไขข้อบกพร่อง ลุ้นอีก 30 วัน รู้ผลไทยจะกลับขึ้นสู่ Category 1 (CAT1) จะช่วยให้ไทยกลับมาเปิดบริการเที่ยวบินไปยังสหรัฐฯได้ รวมถึงการทำ Code Share ร่วมกับสายการบินจากสหรัฐฯ รวมทั้งจะสามารถเพิ่มเที่ยวบินและสายการบินในการบินเข้าประเทศที่อ้างอิงผลการตรวจของ FAA ได้มากขึ้น หากผ่านเกณฑ์และกลับขึ้นสู่ระดับ CAT1 ได้ ประเมินบวกต่อกลุ่มการบิน โดยเฉพาะ AOT, บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ (12 มี.ค.68) ว่า องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration: FAA) อยู่ระหว่างการตรวจสอบขั้นสุดท้าย (Final Discussion) ณ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2568 เพื่อตรวจสอบการแก้ไขข้อบกพร่องที่ได้จากการตรวจประเมินในเดือนพฤศจิกายน 2567

หากประเทศไทยสามารถดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องได้ครบถ้วน คาดว่าจะสามารถยกระดับมาตรฐานจาก Category 2 กลับสู่ Category 1 ซึ่งเป็นระดับมาตรฐานที่แสดงถึงการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนตามมาตรฐานสากล การปรับระดับดังกล่าวจะช่วยให้สายการบินของไทยสามารถปฏิบัติการบินเข้าสหรัฐอเมริกาได้ และเพิ่มโอกาสในการขยายเที่ยวบินไปยังประเทศที่ยึดตามมาตรฐานการตรวจสอบของ FAA เช่น เกาหลีใต้ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศของไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยผลการตรวจสอบครั้งนี้คาดว่าจะทราบผลภายใน 30 วัน

โดยบริษัทหลักทรัพย์ DAOL ประเมินว่า การยกระดับมาตรฐานการบินไทยกลับสู่ Category 1 จะส่งผลบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มสายการบิน โดยเฉพาะบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งเคยให้บริการเที่ยวบินตรงสู่สหรัฐอเมริกา ขณะที่สายการบินอื่น ๆ ของไทยยังไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐฯ และมีโอกาสที่สายการบินจะเพิ่มเที่ยวบินไปประเทศอีกที่อิงผลการตรวจาอบของ FAA อาทิ เกาหลีใต้

ทั้งนี้ตัวเลขจำนวนผู้โดยสารของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ระบุว่าในปี 2567 มีผู้โดยสารชาวสหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 9 คิดเป็น 3.3% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด ดังนั้นหากประเทศไทยได้รับการปรับมาตรฐานเป็น Category 1 จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ THAI สามารถเปิดเส้นทางบินไปยังสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบิน โดยเฉพาะสายการบินจากจีนที่มีการกำหนดราคาตั๋วโดยสารที่แข่งขันได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในอดีต THAI เคยให้บริการเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐฯ แต่มีผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ในแง่ของการลงทุนสำหรับกลุ่ม Aviation ยังคงมีน้ำหนักเป็น Neutral โดยหุ้นที่เป็น Top Pick ได้แก่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท อ้างอิงจากประมาณการ 2025E core PER ที่ 11.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีช่วงก่อนโควิดที่อุตสาหกรรมมีผลกำไรปกติ

ด้านพลอากาศเอกมนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) และ Mr. Dennis Hill รักษาการผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยการขนส่งทางอากาศของ องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) ได้ร่วมลงนามใน รายงานสรุปการตรวจประเมินขั้นสุดท้าย (Record of Discussion) ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงถึงการแก้ไขข้อบกพร่องของ CAAT จากการตรวจประเมินของ FAA

โดยผลการตรวจประเมินยืนยันว่า ประเทศไทยสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่ FAA เคยระบุไว้ได้ครบถ้วน โดยขณะนี้เหลือเพียงรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก FAA ซึ่งคาดว่าจะมีผลสรุปภายใน 30-45 วัน หากไทยได้รับการยกระดับกลับสู่ FAA Category 1 จะเปิดโอกาสให้สายการบินไทยสามารถบินตรงไปยังสหรัฐอเมริกาได้อีกครั้ง รวมถึงเพิ่มโอกาสขยายเส้นทางบินไปยังประเทศที่อ้างอิงมาตรฐาน FAA เช่น เกาหลีใต้

ส่วนพลอากาศเอกมนัท เปิดเผยว่า CAAT มุ่งมั่นดำเนินงานอย่างเต็มกำลังในการแก้ไขข้อบกพร่อง และร่วมมือกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ FAA CAT1 ได้สำเร็จ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ศักยภาพการบินพลเรือนของไทยสามารถก้าวขึ้นสู่แนวหน้าของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค

ทั้งนี้ CAAT ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็น Regulator (หน่วยกำกับดูแล) แต่ยังพร้อมพัฒนาไปสู่การเป็น Facilitator ที่ช่วยสนับสนุนสายการบินและผู้ประกอบการด้านการบินให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมการบินของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป