สปส. : โสโครกกว่าที่คิด

ร้ายกาจกว่าที่คิดจริง ๆ นะครับ เงินกองทุนประกันสังคม ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงลูกจ้าง-เงินสมทบนายจ้างและรัฐบาลในส่วนที่น้อยนิด กลายเป็น “บ่อทอง”


ร้ายกาจกว่าที่คิดจริง ๆ นะครับ เงินกองทุนประกันสังคม ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงลูกจ้าง-เงินสมทบนายจ้างและรัฐบาลในส่วนที่น้อยนิด กลายเป็น “บ่อทอง” ให้นักการเมืองเข้ามาขุดทองหาประโยชน์กันอย่างง่ายดาย

สถานะของกองทุนประกันสังคมในปัจจุบัน (เริ่มต้นจากปี 2534) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,657,245 ล้านบาท จากนโยบายบริหารกองทุนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลและเงินสงเคราะห์สวัสดิการต่าง ๆ แต่น้อย อาทิ ค่าทำฟันก็ยังคงเบิกกองทุนได้แค่ปีละ 900 บาทเท่านั้น

จึงทำให้มูลค่ากองทุนฯ สูงถึง 2.65 ล้านล้านบาท ไอ้ที่ชอบขู่กันนักตั้งแต่ 5 ปี-10 ปีหลังการจัดตั้งกองทุนฯ ว่าเงินกองทุนจะหมด ไม่มีจ่ายค่ารักษาพยาบาล จ่ายเงินเกษียณ หรือเงินบำนาญชราภาพในปีนั้นปีนี้ ก็เป็นเรื่องเขียนเสือให้วัวกลัว เพื่อจะได้จำกัดการช่วยเหลือผู้ประกันตนเท่านั้น

แล้วก็นำเงินที่มีเหลือมากมาย มาใช้จ่ายกันอย่างอีลุ่ยฉุยแฉก!

จากการเปิดเผยของนส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม.พรรคประชาชน มันไม่ใช่แค่เรื่องผู้บริหารระดับสูงสำนักงานประกันสังคมใช้เงินกองทุนฯ ไปดูงานต่างประเทศแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมปล้นเงินกองทุนประกันสังคม โดยพฤติกรรมสมคบนำเงินกองทุนไปซื้อสินทรัพย์ในราคาสูงกว่าความเป็นจริง

กรณีกองทุนประกันสังคมใช้เงิน 7,000 ล้านบาท เข้าซื้ออาคารสกายไนน์ ปรับปรุงจากอาคารร้างสมัยต้มยำกุ้ง บริเวณถนนอโศก-ดินแดง ต่อเชื่อมกับถนนพระราม 9 ทั้งที่ราคาตึกจริงน่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 3,000 ล้านบาท

ประการสำคัญที่สุดก็คือ เจ้าของอาคารที่ขายให้ปกส.มีความเกี่ยวพันกับพรรคการเมือง พรรคเดียวกันกับเจ้ากระทรวงแรงงานยุคนั้นในปีพ.ศ. 2565

การจะบอกว่ารัฐมนตรีไม่รู้ไม่เห็นในการบริหารงานของสำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะสปส.ก็คือส่วนราชการหนึ่ง มีฐานะเทียบเท่ากรมในกระทรวงแรงงาน มิใช่เป็นหน่วยงานอิสระของรัฐเช่นแบงก์ชาติแต่ประการใด

ขนาดนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ อดีตเลขาธิการสปส.ที่เข้าไปซื้ออาคาร Skyy9 ในยุคนั้น ก็ยังได้รับการโปรโมตมาเป็นปลัดกระทรวงแรงงานในปัจจุบันเลย ถ้ารมต.บอกว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวงานสปส.ไม่ได้ แล้วนายบุญสงค์จะไหลเวียนขึ้นมาเป็นซี 11 กระทรวงแรงงงานได้หรือ

ยิ่งมาทราบความจริงว่าตึกนี้เป็นทรัพย์ NPL ที่ขายต่อไปให้บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ หรือ BAM นักการเมืองชื่อ “ส.” เข้าไปซื้อจาก BAM ในราคาแค่ 1 พันล้านบาทเศษ และเคยแห่ป้ายขายในราคาแค่ 2.5 พันล้านบาทเศษ แต่มาพ.ศ. 2565 กลับใช้วิธีสมคบกับนักการเมืองพวกเดียวกัน ขายของแหกตาได้ราคาสูงกว่าเป็นจริงกว่า 2 เท่าตัว

เงื่อนงำในการซื้อ-ขายตึกนี้ ยังมีข้อตีความน่าคิดอยู่ 3 ประการคือ 1)ปกส.เข้าไปซื้อเฉพาะอาคารจากบริษัท ไพรม์ไนน์ ผู้ขาย หรือ 2)เข้าไปซื้อบริษัท ไพรม์ไนน์ ซึ่งต้องรับผิดชอบในหนี้สินด้วย หรือ 3)จัดตั้งกองทุนเข้าไปซื้อ เพื่อหลบภาษีให้ผู้ขาย

ซึ่งรมว.แรงงานคนปัจจุบัน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ จากพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่าสปส.ใช้เงิน 9,800 ล้านบาท เข้าไปลงทุนในกองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยส่วนหนึ่งก็แบ่งไปซื้อตึกนี้ราคา 7 พันล้านบาท และที่เหลืออีก 30% ไปลงทุนในต่างประเทศ

นี่ก็ยิ่งเป็นความเลวร้ายใหญ่ของสำนักงานประกันสังคม เพราะนำเงินจากมนุษย์เงินเดือนไปช่วยเหลือนักการเมืองพวกเดียวกันเองอย่างไร้ยางอาย

ชาญชัย สงวนวงศ์

Back to top button