CGSI มอง SET ผันผวน แนะสอยหุ้น “ปลอดภัย-ยีลด์สูง”

CGSI คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะผันผวน พร้อมแนะนำหุ้นปลอดภัย และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูง เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของดัชนี


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) จะยังคงเผชิญกับความผันผวน โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,140-1,165 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าใหญ่ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงมีแรงกดดันเพิ่มเติม หลังจาก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน รวมถึงเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ไม่ได้ถูกโยกย้ายไปยังกองทุน TESGX ประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถขายคืนได้ตลอดเวลา อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนในตลาดหุ้นไทย

โดย CGSI แนะนำให้นักลงทุน เน้นกลุ่มหุ้น Defensive Play และ High Yield ได้แก่ BH, PR9, BDMS, SIRI, SCB, KTB เนื่องจากมีความเสี่ยงด้าน Capital Gain ต่ำ และเหมาะกับภาวะตลาดที่ยังคงผันผวน พร้อมใช้กลยุทธ์ Selective Buy อย่างระมัดระวัง โดยให้ติดตามปัจจัยที่อาจสนับสนุนการไหลกลับเข้ามาของ Fund Flow ในตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งมีปัจจัยหลักที่ต้องจับตา 2 ประเด็น ได้แก่

ประเด็นแรก คือ การปรับลดสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยและความเสี่ยงต่อไทยในนโยบายการค้าสหรัฐฯ นักลงทุนทั่วโลกอาจมีแนวโน้มลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ทองคำ หากราคาทองคำหมดรอบขาขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังต้องติดตามความชัดเจนจากฝั่งสหรัฐฯ ว่าจะมีมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับที่ 11 ของประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ และยังไม่ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของนโยบายดังกล่าว

ประเด็นที่สอง คือ ปัจจัยการเมืองไทยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดจับตาการ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 โดยหากการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น อาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ อาจเป็นแรงหนุนต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ชดเชยแรงกดดันจากสงครามการค้า และช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

สำหรับ หุ้นแนะนำ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่สงครามการค้าทวีความรุนแรง เนื่องจากให้ Dividend Yield สูงถึง 9.0% และคาดว่าการจ่ายเงินปันผลจะยังคงอยู่ที่ระดับ 80% ไปจนถึงปีงบประมาณ 2567 นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์ของพอร์ตสินเชื่อเพื่อการบริโภคยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีระดับ Take Profit ที่ 128.0 บาท และ Stop Loss ที่ 120.0 บาท

ขณะที่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจโรงแรม โดยผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น และคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมในปี 2568 จะเติบโต 23% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 11% ในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของโรงแรมใน โอซาก้าและประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีระดับ Take Profit ที่ 35.0 บาท และ Stop Loss ที่ 32.0 บาท

โดยสรุป นักลงทุนควร ติดตามปัจจัยภายนอกและภายในประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ระมัดระวังในภาวะตลาดที่ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง

Back to top button