FM เด้ง 4% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 7.20 บาท ชี้ธุรกิจไก่ปีนี้โตต่อ รับดีมานด์พุ่ง-ต้นทุนลด

FM ดีด 4% โบรกมองธุรกิจไก่ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง รับดีมานด์เพิ่ม และต้นทุนลดลง โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (14 มี.ค.68) ณ เวลา 12:06 น. ราคาหุ้น บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM โดยอยู่ที่ระดับ 3.76 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 3.87% ราคาสูงสุด 3.78 บาท ราคาต่ำสุด 3.66 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10.21 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า FM ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2570 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละ 4% และจากกลุ่มลูกค้าใหม่รวมถึงตลาดใหม่ๆ ที่เริ่มเปิดตัว ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละ 11%

โดยมีกลยุทธ์หลักในการขยายฐานลูกค้าผ่านการเจาะกลุ่มตลาด Global Quick Service Restaurant (QSR) และการขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น UAE และฟิลิปปินส์ ซึ่งการปลดล็อคการส่งออกและการเพิ่มขึ้นของดีมานด์ในภูมิภาคนี้คาดว่าจะผลักดันการเติบโต

รวมถึงการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศคู่ค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คาดว่ามี FTA เพิ่มขึ้นอีก 3 ฉบับในปีนี้ ซึ่งจะช่วยขยายตลาดส่งออกและลดต้นทุนภาษี ทำให้ภาพรวมการส่งออกไก่ไทยได้รับผลบวกจากปัจจัยเหล่านี้

สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะเติบโต 12-15% จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของปริมาณการผลิตไก่ในอเมริกาและยุโรปตะวันออก ซึ่งได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนกระบาด ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไก่ส่งออกของไทย คาดว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการขยายฐานลูกค้าและการเพิ่มกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุก โดยคาดว่าเทียบกับไตรมาส 4/2567 จะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการส่งออกไก่ CAV ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5,700 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2567 ที่มีปริมาณการส่งออกที่ 3,600 ตัน

ทั้งนี้ คาดการณ์ผลประกอบการในปี 2568-2569 จะเติบโตเฉลี่ย 8% (CAGR 2 ปี) โดยรายได้ปี 2568 และ 2569 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9% และ 10% ตามลำดับ โดยราคาขายเฉลี่ยของไก่สดชำแหละและไก่แปรรูปปรุงสุกในปี 2568 คาดว่าจะลดลงประมาณ 3% และ 1% ตามลำดับ โดยคาดว่าในปี 2567 ราคาขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 41 บาทต่อกิโลกรัม และในปี 2568 จะลดลงเหลือ 40 บาทต่อกิโลกรัม

สำหรับการขยายตลาดใหม่ๆ ในปี 2568 เช่น ฟิลิปปินส์และ UAE คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้จากการส่งออก โดยตั้งเป้าหมายรายได้จาก UAE ที่ 5% และจากฟิลิปปินส์ที่ 2% ของรายได้ส่งออกทั้งหมด ในขณะที่ต้นทุนข้าวโพดและกากถั่วเหลืองซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์คาดว่าจะลดลง 2% และ 5% ตามลำดับ ส่งผลให้มาร์จิ้นโดยรวมอยู่ที่ 15.10-15.20%

โดยบริษัทยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 7.20 บาท

Back to top button