
“บีโอไอ” บูมลงทุน 2 แสนล้าน ลุย 4 เมกะโปรเจกต์ ขยายรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ดาต้าเซนเตอร์
บีโอไอ ไฟเขียวส่งเสริม “รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ดาต้าเซนเตอร์” เม็ดเงินรวม 2 แสนล้านบาท ขยายโครงสร้างพื้นฐาน ดันเศรษฐกิจดิจิทัล
วันนี้ (17 มี.ค.68) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญขนาดใหญ่ 4 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาท ได้แก่
- โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ของ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เงินลงทุน 109,210 ล้านบาท
- โครงการ ดาต้า เซนเตอร์ (Data Center) 3 โครงการจากประเทศไทย จีน และสิงคโปร์ ได้แก่
- บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม Gulf, Singapore Telecommunications และ AIS เงินลงทุน 13,480 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ จ.ชลบุรี
- บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากประเทศจีน เงินลงทุน 72,670 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ จ.ระยอง
- บริษัทในเครือ Empyrion Digital ประเทศสิงคโปร์ เงินลงทุน 4,720 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ
นายนฤตม์ กล่าวว่า ดาต้า เซนเตอร์ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับรองรับความต้องการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งการมีบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนจัดตั้ง ดาต้า เซนเตอร์ ในไทย ก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน นอกจากจะส่งเสริมให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้เข้าถึงบริการของศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ (Cloud) ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และมีความเสถียรในการให้บริการดิจิทัล ลดต้นทุนบริษัทในการทำศูนย์ข้อมูลของตนเอง ช่วยรักษาข้อมูลสำคัญให้ถูกเก็บและประมวลผลในประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านความมั่นคง ช่วยสนับสนุนการใช้แอปพลิเคชันและเทคโนโลยีดิจิทัลในการยกระดับภาคส่วนต่าง ๆ
อีกทั้งจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโทรคมนาคม สาธารณูปโภค พลังงาน อุปกรณ์ไอที บริษัทก่อสร้างและวางระบบขั้นสูง System Integrator ด้านต่าง ๆ รวมถึงช่วยสร้างงานที่มีคุณค่าสูงให้กับคนไทย เช่น ผู้ดูแลระบบโครงข่าย งานด้านวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และงานสนับสนุนด้านไอที
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวอีกว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2565-2567) มีโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการ ดาต้า เซนเตอร์ และ บริการคลาวด์ (Cloud Service) จำนวน 27 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.9 แสนล้านบาท
นอกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ บีโอไอยังเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ทั้งในภาคสาธารณสุขและอุตสาหกรรมสีเขียว โดยบอร์ดฯ เห็นชอบแนวทางส่งเสริมภาคเอกชนร่วมลงทุนในระบบสาธารณสุข ผ่านโครงการ PPP (Public-Private Partnership) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการรักษาพยาบาล ลดภาระภาครัฐ และขยายโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดยโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มี 91 เตียงขึ้นไป ที่มีการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP กับภาครัฐ จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ ได้แก่ ยกเว้นอากรเครื่องจักรและอุปกรณ์ พร้อมยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี (โรงพยาบาลทั่วไปได้รับ 3 ปี)
ที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักการในการส่งเสริม “โครงการโรงพยาบาลปลวกแดง 2 จังหวัดระยอง” ให้เป็นโครงการแรกที่ได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้นโยบายนี้ ซึ่งนับเป็น PPP ครั้งแรกของกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้ เห็นชอบให้กิจการที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เช่น ลมหรือแสงอาทิตย์ไปแล้ว แต่ต้องการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Energy Storage System: BESS) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ของระบบ BESS เพิ่มเติม สามารถขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนได้
ขณะเดียวกัน ยังเห็นชอบให้กิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ ในกลุ่ม Earthenware และกระเบื้องเซรามิกส์ ซึ่งเป็นกิจการที่มีปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ภายใต้มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ตามมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามแดน (CBAM)