
“แพทองธาร” เรียกถก “ก.ล.ต.-ตลท.-DSI” ลุยแก้ปัญหาหุ้นไทย เรียกความเชื่อมั่นคืนตลาด
นายกฯ เรียกถก “ก.ล.ต.-ตลท.-DSI” เน้นย้ำ 4 เรื่องสำคัญ เร่งรัดคดีเศรษฐกิจ - ปรับเกณฑ์ซื้อขาย - จัดการฟรีโฟลต และบังคับใช้กฎหมาย ฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน ท้าชิงตลาดโลก
วันนี้ (17 มี.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ได้เชิญ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) เข้ามาพูดคุยติดตามเรื่องสถานการณ์ในตลาดหุ้นไทยและคดีทางการเงิน
นางสาวแพทองธาร ระบุว่า “อีกหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลติดตามและให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือเรื่องตลาดหุ้นไทยค่ะ โดยวันนี้ดิฉันได้เชิญคุณพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต., คุณอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI เข้ามาพูดคุยติดตามเรื่องสถานการณ์ในตลาดหุ้นและคดีทางการเงินที่เป็นปัญหา”
โดยดิฉันได้เน้นย้ำ 4 เรื่องสำคัญ
- กำชับและติดตามคดีที่มีผลกระทบต่อผู้คนเป็นจำนวนมากและกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเร่งรัดติดตามให้คดีมีความคืบหน้าโดยเร็ว
- แก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำผิดในตลาดหุ้น โดยปรับปรุงกฎเกณฑ์ ยกระดับไม่ให้มีการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นอีก เช่น ปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
- กำชับถึงข้อกำหนดที่จะจัดการเรื่อง free float ลงโทษบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำผิดหลักเกณฑ์ได้ โดยการให้ออกจากตลาด
- เน้นย้ำให้มีการใช้กฎหมายครบทุกมิติ เพื่อฟื้นความมั่นใจอย่างเร่งด่วนและเป็นธรรม
“เรื่องนี้ถือเป็นภารกิจของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อถือและเชื่อมั่น (trust and confidence) ในด้านการใช้กฎหมายเพื่อให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ให้ตลาดหุ้นไทยแข่งขันได้ในเวทีสากลค่ะ” นางสาวแพทองธาร ระบุทิ้งท้าย
สำนักโฆษก ทำเนียบรัฐบาล แจ้งภายหลังการหารือดังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมความเป็นธรรมและความโปร่งใส โดยเฉพาะการตรวจสอบเหตุการณ์และคดีทางการเงินต่าง ๆ โดยย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันและเสริมสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยให้เห็นเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำความสำคัญของการสร้างความเท่าเทียมในตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่แบ่งแยกระหว่างนักลงทุนไทยหรือต่างชาติ ตลอดจนกองทุนสถาบันต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ที่มุ่งเน้นการสร้างความเท่าเทียมและความโปร่งใสในทุกระดับ
นายอัสสเดช กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการในคดีต่าง ๆ ในตลาดทุน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้นำเสนอโครงการที่ได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาตลาดทุนและบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ โครงการ JUMP+ ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับตลาดทุนไทย
กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวด้วยว่า และรายงานความคืบหน้าการปรับปรุงมาตรการและเกณฑ์ต่าง ๆ โดยล่าสุดอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น “การทบทวนการกำกับดูแลการขายชอร์ตและ HFT (High Frequency Trading)” เพื่อให้มาตรการกำกับดูแลเหมาะสมกับสภาวะการซื้อขายในปัจจุบัน ซึ่งเปิดให้แสดงความคิดเห็น จนถึง 31 มี.ค.68
“นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน โดยเฉพาะการดูแลนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการกำกับดูแลการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีความถี่สูง (High Frequency Trading – HFT) และการขายชอร์ต (Short Sell) ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพคล่องของตลาด” นายอัสสเดช กล่าว
นางพรอนงค์ เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมและความเป็นธรรมในตลาดทุน ซึ่งนอกจากการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายแล้ว ยังต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การขึ้นป้ายบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ซึ่งจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความมั่นคงและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยนโยบายต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการมุ่งผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเพิ่มมูลค่าและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งและเป็นที่เชื่อมั่นในระดับสากลต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) รับนโยบาย นายกรัฐมนตรีเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมตลาดทุน สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โดย DSI ได้นำกฎหมายฟอกเงิน ทั้งมาตรการยึดทรัพย์ทางแพ่ง และมาตรการทางอาญามาบังคับใช้กับผู้กระทำความผิดเป็นอีกคดีหนึ่ง หลังจากที่มีการดำเนินคดีความผิดตามกฏหมายว่าด้วยหลักทรัพย์แล้ว