
เหนื่อยกับหุ้นไทย
วานนี้หุ้นไทยลบ 3.56 จุด ปิดที่ 1,170.20 จุด ค่อนข้างสวนทางกับประเทศในภูมิภาคเช่นเดียวกับเมื่อวันศุกร์ที่หุ้นไทยเราบวกได้ 14.12 จุด สวนทางกับชาวบ้าน
วานนี้หุ้นไทยลบ 3.56 จุด ปิดที่ 1,170.20 จุด ค่อนข้างสวนทางกับประเทศในภูมิภาค
เช่นเดียวกับเมื่อวันศุกร์ที่หุ้นไทยเราบวกได้ 14.12 จุด ซึ่งในวันนั้นของเราสวนทางกับชาวบ้านที่ส่วนใหญ่ปิดในแดนลบเช่นกัน
ทว่า ที่แตกต่างคือ หุ้นไทยเมื่อบวกขึ้นมาได้เพียง 1 วัน
ทว่ากลับร่วงลงมา 2-3 วันติดต่อกัน หรือบางช่วง จำนวนวันมามากกว่านั้นอีก
หากดูจากกราฟตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2567 ดัชนีอยู่ที่ประมาณ 1,490 จุด แล้วก็ร่วงลงมาตลอด
แม้จะมีการพัก แล้วรีบาวด์ขึ้นบ้าง
แต่เป็นการขึ้นในช่วงสั้น ๆ แล้วก็ลงต่อ
ยังไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน
ในด้านของดัชนีแนวรับที่มองหรือประเมินกันไว้ มีการบอกว่า ระดับ 1,100 จุด น่าจะรับไหว แต่อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ มีการบอกว่า ระดับ 1,300 จุด แนวรับแข็งแกร่ง แต่ก็พังจนได้
จนลงมาที่ระดับ 1,200 จุด ก็บอกอีกว่า ไม่น่าหลุด หรือหลุดมาหรือไม่นั้น ซึ่งก็ไม่รอดอีกเช่นกัน
นักลงทุนต่างประเทศ ยังขายหุ้นไทยออกมาต่อเนื่อง และคือสาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นไทยโงหัวไม่ขึ้น
นับจากต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาแล้ว 32,087 ล้านบาท และยังไม่เห็นปัจจัยบวกอะไรที่จะทำให้ต่างชาติหยุดขาย
ส่วนนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนต่าง ๆ ไม่น่าจะรับมือไหว
แม้กระทั่ง “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” มีเงินหน้าตัก 1.5 แสนล้านบาท เพื่อมารองรับขาลงหุ้นไทย
ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะรับไหวหรือเปล่า แม้ล่าสุดผู้จัดการกองทุนจะออกมาบอกว่า ยังมีเงินเหลือหลายหมื่นล้านบาท ที่พร้อมจะเข้ามารับหุ้นเป้าหมาย
ขณะที่วานนี้มีการนำเสนอข่าวที่ว่า สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้รายงานเกี่ยวกับกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง หรือกองทุนพยุงหุ้นไทย ไม่สามารถดำเนินงานได้เห็นผล เพราะหลังได้มาแล้ว 7 เดือนหุ้นไทยปรับลง 10%
และความล้มเหลวนี้ กำลังเตือนไปยัง รัฐบาลและนักลงทุน ถึงความสามารถของกองทุนรัฐ ในการกระตุ้นตลาด
สำหรับนักลงทุนต่างชาติ เราจะพบว่า ในวันที่พวกเขาซื้อสุทธิดันหุ้นขึ้นมานั้น (เช่น ศุกร์ที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา)
จะมีนักลงทุนเข้ามารับซื้อค่อนข้างมาก
พอวันถัดมา หรือวานนี้พวกฝรั่งจะขายสุทธิออกทันที เพื่อทำกำไร
ส่วนตัวได้ถามกับนักวิเคราะห์ว่า จริง ๆ แล้ว ต่างชาติยังเหลือสุทธิการลงทุนในหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะหลายปีที่ผ่านมาขายหุ้นไทยออกมาแล้วนับแสนล้านบาท
แต่ก็ใม่มีใครสามารถให้ตัวเลขที่แน่ชัดได้
หุ้นที่ลงต่อเนื่องรวมถึงวานนี้ ล่าสุด “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัววานนี้ว่า “อีกหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลติดตามและให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือเรื่องตลาดหุ้นไทย”
โดยวันนี้ (17 มี.ค) ตนเองได้เชิญนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต., นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI เข้ามาพูดคุยติดตามเรื่องสถานการณ์ในตลาดหุ้น และคดีทางการเงินที่เป็นปัญหา
ขณะเขียนต้นฉบับยังไม่ทราบรายละเอียดการหารือ
แต่หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ทั้งทางสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เองได้อยู่ในระหว่างการออกมาตรการเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมา
มีทั้งมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เช่น การแก้กฏเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเอื้อต่อการลงทุนและการทำธุรกรรม
ต้องมาลุ้นกันว่ามาตรการที่ออกมาต่าง ๆ จะช่วยหุ้นไทยได้มากแค่ไหน
ธนะชัย ณ นคร