พาราสาวะถี

ใช้คำง่าย ๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน น่าจะทำตั้งแต่ต้น แต่พอจะเข้าใจได้ มิเช่นนั้น ก็ไม่เป็นประเด็น ไม่มีกระแสทำให้สังคมสนใจ


ใช้คำง่าย ๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน น่าจะทำตั้งแต่ต้น แต่พอจะเข้าใจได้ มิเช่นนั้น ก็ไม่เป็นประเด็น ไม่มีกระแสทำให้สังคมสนใจ สุดท้าย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็ยอมถอดชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร ด้วยการขีดฆ่าเอกสารยื่นญัตติของเดิมแล้วเซ็นชื่อกำกับในจุดที่เป็นชื่อทักษิณ กับคำว่าบิดา แล้วใช้ “บุคคลในครอบครัว” แทน ก็รอว่า วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จะบรรจุวาระ แล้วทางรัฐบาลจะตอบมาพร้อมให้ซักฟอกได้วันไหน

จบจากประเด็นนี้ ต้องไปลุ้นการประชุมวิป 3 ฝ่ายจะเจรจากันลงตัวหรือไม่ เนื่องจาก วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันหนักแน่นแล้วว่า ให้เวลาฝ่ายค้านซักฟอกได้ 23 ชั่วโมง โดยฝ่ายรัฐบาลขอแค่ 7 ชั่วโมงถือว่าน้อยมาก เพราะเป็นเวลาทั้งในส่วนของนายกฯ และรัฐมนตรีชี้แจง รวมถึงกรณี สส.ฝ่ายรัฐบาลประท้วงด้วย อภิปรายกันแค่ 2 วันก็เพียงพอ พร้อมชี้ให้เห็นว่ายุครัฐบาลผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังได้อภิปรายแค่ 3 วัน ทั้งที่ซักฟอกรัฐมนตรีถึง 11 คน แต่นี่อภิปรายแค่แพทองธารเพียงคนเดียว 

ทั้งนี้ ประธานวิปรัฐบาลยังย้ำด้วยว่า ถามฝ่ายค้านแล้วอภิปรายใครบ้าง บอกนายกฯ 95 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้ซ้ำไปซ้ำมา 23 ชั่วโมงถือว่าเต็มที่แล้ว ก่อนที่จะสำทับประโยคเดิม “ทุกคนรู้จักถอยซะบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตัวเอง ก็จะคุยกันรู้เรื่อง” มิหนำซ้ำ ยังบอกด้วยว่ารัฐบาลถอยไม่ได้แล้ว ถอยไปมากกว่านี้ก็ตกแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ ยังขีดเส้นด้วยว่า ทุกอย่างต้องคุยให้จบภายในวันพุธนี้ ทุกคนจะได้มีเวลาไปเตรียมตัวอภิปราย

มาถึงตรงนี้คงไม่มีประเด็นอะไรที่พรรคฝ่ายค้านจะต้องไปตอแยให้เสียเวลา หากต้องการซักฟอกก็ยอมตามนั้น สุดท้ายก็ใช้วิธีการชี้ชวนให้สังคมร่วมคิดใครกันแน่ที่เล่นเกมการเมือง อย่างที่บอกเรื่องเวลาซักฟอกไม่ใช่สาระสำคัญ ทั้งหมดอยู่ที่เนื้อหา พยาน หลักฐาน ที่นำมาแสดง ถ้ามีหมัดเด็ด ที่คุยโตกันทั้งพรรคแกนนำฝ่ายค้าน รวมไปถึงลิ่วล้อของคนบ้านในป่าที่อ้างว่าจะสร้างแรงกระเพื่อม ส่งผลสะเทือนถึงขั้นทำให้แพทองธารต้องประกาศยุบสภา ตรงนั้นต่างหากคือหัวใจสำคัญ

ทำสงครามน้ำลายกันไปมา แทนที่จะทำให้เกิดแนวร่วม เรียกความสนใจจากประชาชนส่วนใหญ่ จะกลายเป็นทำให้คนเกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากติดตามกันไปเสียฉิบ ถูกทางตามที่ตัวเองถนัดแล้ว เมื่อเพจพรรคประชาชนได้โพสต์โปสเตอร์เปิดแคมเปญการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมนี้เป็นต้นไป พร้อมหัวข้อ “ดีลแลกประเทศ” และข้อความระบุว่า เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ เมื่อช้างสารดีลกัน ประชาชนก็แหลกลาญ

โดยโปสเตอร์ดังว่า เป็นภาพวาดการ์ตูนรูปเหมือนแพทองธารที่อยู่บนกองอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่พังทลาย กำลังทำมือแตะกับมือของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้านั้นในมือถือใย ที่กำลังคอยชักตุ๊กตาไม้ ที่มีเหรียญทอง และตาชั่งสัญลักษณ์ของความยุติธรรม และรถถัง เป็นพื้นหลังประกอบ ทั้งนี้ภาพดังกล่าว เมื่อสังเกตจะพบว่าคล้ายกับภาพจิตรกรรมบนเพดานของไมเคิล แองเจโล ในภาพที่มีชื่อว่า The Creation of Adam หรือพระเจ้าสร้างอดัม

ขณะที่เนื้อหาที่ใช้ในการเรียกน้ำย่อยเป็นปฐมฤกษ์ไม่ได้แตกต่างจากที่ได้รับรู้กันก่อนหน้า 18 เดือนภายใต้รัฐบาลที่ดีลกันบนผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เหยียบย่ำเสียงของประชาชน คนไทยต้องสูญเสียไปเท่าไร เพื่อให้คนบางคนได้กลับบ้าน ประเทศเสียหายไปแค่ไหน เพื่อให้แพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดิจิทัลวอลเล็ตกลายพันธุ์จนจำรูปร่างเดิมไม่ได้ แจกจ่ายไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจโตต่ำรั้งท้ายอาเซียน คนไทยตกงานนับแสน ค่าครองชีพสูง ค่าแรงไม่ขึ้นตามสัญญา กองทัพกลายเป็น “เขตทหารห้ามเข้า” รัฐบาลพลเรือนแตะต้องไม่ได้ ปฏิรูปกองทัพเป็นเพียงลมปาก

แก้รัฐธรรมนูญไร้ความคืบหน้า นักโทษการเมืองติดคุกไม่ได้ประกัน ประเทศไทยถูกประณามเป็นที่อับอายในเวทีโลก ขอเชิญชวนประชาชน ร่วมติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของพรรคประชาชน เปิดทุกดีลลับ คิดบัญชีทุกความสูญเสีย เปิดทุกแผลที่ถูกหมกเม็ดของแพทองธาร เรียกได้ว่าเป็นการโปรโมตตามแบบที่ถนัด แต่หากมีเพียงข่าวตัดแปะใช้วาทกรรมผสมอารมณ์ความรู้สึก และย้ำอีกครั้งว่าถ้าไร้หลักฐานสำคัญ ก็ไม่มีอะไรที่จะระคายเคืองผิวของรัฐบาลพลิกขั้วได้ ดีไม่ดีอาจทำให้ลูกสาวทักษิณติดลมบนหนักเข้าไปอีก

ก่อนไปถึงตรงนั้น ลุ้นให้ตกลงกันในวันที่ 19 มีนาคมนี้ให้ได้ก่อน ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้านที่เริ่มโหมกระแสเร้าความสนใจ ซีกรัฐบาลคงเป็นอย่างที่แพทองธารบอกว่าพร้อมมาตลอด อภิปรายเป็นเดือนก็ยังไหว มีการนัดหมายแกนนำพรรคร่วมดินเนอร์กันวันศุกร์ที่ 21 มีนาคมนี้ จากเดิมจะพบปะกันในวันนี้ (18 มีนาคม) ไม่จำเป็นต้องอมพะนำว่าไม่มีการพูดถึงการเตรียมความพร้อมรับมือซักฟอก งานนี้ชัดเจนลูกสาวทักษิณจะขอคำยืนยันเป็นคำตอบสุดท้าย ทุกพรรคมีข้อมูลพร้อม และเสียงโหวตไว้วางใจยังเหนียวแน่นใช่หรือไม่

การพบปะกันหนนี้เชื่อแน่ว่าจะไม่มีการจำกัดว่าต้องเฉพาะหัวหน้ากับเลขาธิการพรรคเท่านั้น เพราะทางพรรคกล้าธรรมรู้กันอยู่แล้ว ผู้มีบารมีและอำนาจในการตัดสินใจคือ ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งเจ้าตัวได้ประกาศไว้ก่อนหน้าจะมีงูเห่าจากพรรคฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 10 เสียงมาร่วมยกมือหนุนนายกฯ ด้วย แบบนี้ต้องได้ฟังเสียงการันตีกันให้เต็มสองหูพร้อมกัน ทั้งแพทองธารและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแนวโน้มน่าจะไม่ผิดไปจากที่คุยโตโอ้อวดไว้

น่าสนใจ ซีกฝ่ายค้านจะได้รับข้อมูลลับอะไรจากพวกขายข่าวซีกกุมอำนาจหรือไม่ เท่าที่ได้ยินได้ฟังในวงการยังไม่มีอะไรใหม่ ผิดกับฝ่ายถูกซักฟอกตอนนี้มีข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาถึงบรรดาแกนนำแต่ละพรรคเต็มไปหมด กำลังคัดกรองกันอยู่ว่าอันไหนของจริงของแท้ ก่อนที่จะส่งข้อสอบไปให้แพทองธารได้ทำไว้ล่วงหน้า ทางด้านเพื่อไทยทั้งตัวละครลับและคนที่เปิดหน้าซึ่งรู้กันว่าเป็นฝ่ายจัดหาข้อมูลสำคัญก็ทำงานกันมือเป็นระวิง เพราะต้องป้อนให้ทั้งแพทองธาร และพ่อนายกฯ เพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแบบทันทีที่มีการพาดพิง

อรชุน

Back to top button