
“สุเชษฐ์” มอง SET ฟื้นตัว แนะเก็งกำไร 5 หุ้น ชูพื้นฐานแกร่ง
สุเชษฐ์ สุขแท้ มองดัชนี SET รีบาวด์ มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,170 – 1,160 จุด โดยยังคงแนะนำเก็งกำไร GULF-KTB-TCAP-MINT-MTC
นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ในวันนี้ (18 มี.ค.68) ว่า มองภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ฟื้นตัว มองดัชนีตลาดมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,170 – 1,160 จุด ซึ่งหากดัชนีปรับตัวลดลงมาถึงบริเวณดังกล่าว อาจเป็นจุดที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนวโน้มของตลาดยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดต่างประเทศที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในวันนี้ ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ซึ่งมีระดับ 48.50 บาท เป็นแนวรับที่มีแรงซื้อเข้ามาสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ แนวรับที่สำคัญอยู่ในช่วง 46 – 47 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ระดับ 50 – 52 บาท และหากสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 54 บาท
ในส่วนของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 23.30 บาท โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 22.50 – 23 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ในช่วง 24 – 24.50 บาท หากราคาสามารถทะลุแนวต้านนี้ได้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 25 บาท
สำหรับ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ปัจจุบันมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 47.50 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ระดับ 50, 53 และ 55 บาท ทั้งนี้ รูปแบบการเคลื่อนไหวของหุ้นดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีการอ่อนตัวลงในวันก่อนหน้า แต่ยังสามารถปิดที่ระดับ 27.50 บาท โดยหุ้นดังกล่าวเคยปรับตัวลดลงต่ำกว่า 27 บาท ซึ่งอาจเป็นจุดที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเข้าซื้อ แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 28.50 บาท อย่างไรก็ตาม หากสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 30 บาท
ในส่วนของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทจะออกมาดี แต่ราคาหุ้นยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว โดยมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 43 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 45 และ 47 บาท
โดยราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ระดับ 71.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ระดับ 67.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเช้าวันนี้
ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี เช่น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งยังคงเผชิญแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนตัว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มธนาคาร เช่น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รวมถึง กลุ่มโรงพยาบาล เช่น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และพระราม 9 ซึ่งยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
โดยสรุป แนวโน้มตลาดในวันนี้คาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากแรงสนับสนุนของตลาดต่างประเทศและหุ้นกลุ่มหลัก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และพิจารณาหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ