
SJWD ย้ำรายได้ปี 68 โต 12% มุ่งขับเคลื่อน “โลจิสติกส์” ครบวงจร สู่เป้ามาร์เก็ตแคปแสนล้าน
SJWD เปิดกลยุทธ์ปี 68 ชู 4 ธุรกิจดาวเด่น ดันกำไรโต 12% ลุยขับเคลื่อนโลจิสติกส์ครบวงจร พร้อมตั้งเป้าดันมาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้านภายในปี 73
นายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พร้อมวางแผนเติบโตเฉลี่ยปีละ 12% ในช่วงปี 2567-2572 และตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิเติบโต 8% ภายในปี 2572
โดยบริษัทจะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศและเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรในอาเซียนและจีน ผ่านธุรกิจดาวรุ่งอย่าง ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น ซึ่งจะเปิดห้องเย็นใหม่อีก 4 แห่ง รวมพื้นที่ 37,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเฮลท์แคร์
นอกจากนี้ ธุรกิจบริหารยานยนต์ ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยให้บริการรถยนต์กว่า 5 แสนคันในปีที่ผ่านมา และมีแผนขยายสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Freight หรือตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 2,500 ล้านบาท ภายในปี 2572 พร้อมพัฒนาระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม NSW Service Provider เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ
สำหรับ ธุรกิจต่างประเทศ บริษัทวางแผนขยายตัวในจีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยร่วมมือกับ JUSDA ในจีนให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดน และศึกษาความร่วมมือกับ Ruiyun Logistics สำหรับบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิข้ามแดนระหว่างไทย เวียดนาม และจีน นอกจากนี้ ยังมีแผนร่วมทุนกับ SWIFT เพื่อพัฒนาโครงการคลังสินค้าห้องเย็นในมาเลเซีย รวมพื้นที่กว่า 31,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/2569
อีกทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตเชิงรุก โดยมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เป็น 1 แสนล้านบาทภายในปี 2573 และเพิ่มสัดส่วนกำไรจากต่างประเทศเป็น 40% ผ่านกลยุทธ์ขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ พร้อมขับเคลื่อนนโยบาย Green Logistics เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593
ขณะที่ปัจจุบัน SJWD เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่ดำเนินธุรกิจใน 9 ประเทศในอาเซียนและจีนตอนใต้ โดยมีพื้นที่คลังสินค้ากว่า 2.3 ล้านตารางเมตร ครอบคลุมคลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าอันตราย คลังควบคุมอุณหภูมิ และลานจอดยานยนต์ รวมถึงมีเครือข่ายขนส่งที่แข็งแกร่ง ทั้งรถขนส่งกว่า 14,000 คัน และเรือบรรทุกสินค้ากว่า 220 ลำ รองรับลูกค้ากว่า 2,400 ราย พร้อมพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
ด้านสถานะทางการเงิน บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2567 มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ย (D/E) อยู่ที่ 0.67 เท่า และมีเงินสดคงเหลือกว่า 2,400 ล้านบาท นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 4,200 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ
โดยบริษัทยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ด้วยกลยุทธ์การเติบโตบนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของมูลค่า (Value) และปริมาณ (Volume) พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดรับกับโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ผ่านเครือข่ายการขนส่งที่เชื่อมโยงอาเซียนและจีน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจการค้าในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความมั่นคงทางการเงินและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิด “โลจิสติกส์สีเขียว” ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อโลก โดยบริษัทพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจและสังคมไปพร้อมกัน
ส่วนงบลงทุนปีนี้คาดการณ์ว่าอยู่ในระดับไม่เกิน 100 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนหลักๆ ไปแล้วในปีที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะใช้ในการขยายขยายธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นเป็นหลัก