STECON เปิดโลกธุรกิจใหม่.!

เป็นที่รู้กันว่า STECON เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขจาก บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น ที่ถูกอัพสถานะขึ้นมาเป็น “โฮลดิ้งคอมพานี”


เป็นที่รู้กันว่า บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขจากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ถูกอัพสถานะขึ้นมาเป็น “โฮลดิ้งคอมพานี” เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จากการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม เพื่อให้มีความคล่องตัวในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น…

แต่ธุรกิจหลักยังคงเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทลูกของ STECON นั่นแหละ…

ขณะที่ภาพจำ STECON ยังเป็นรับเหมาก่อสร้างแบบดั้งเดิม ทั้งการสร้างถนนหนทางต่าง ๆ รวมถึงรัฐสภาหมื่นล้านที่มีทั้งปัญหาหลังคารั่ว ฝ้าถล่ม และท่อน้ำแตกให้โจษจัน…ขณะที่การได้งานส่วนใหญ่จะเป็นอินฟราสตรักเจอร์ของภาครัฐ…

แต่การได้งานครั้งล่าสุดของ STECON ในนามบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น สร้างความฮือฮาไม่น้อยทีเดียว เพราะเป็นงานแรกที่เกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ แถมเป็นงานขนาดใหญ่มูลค่ารวมเกือบ 16,000 ล้านบาท

โดยงานใหม่ที่ว่าคืองานก่อสร้างโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ CHN-1A มูลค่า 7,575.12 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1 เม.ย. 2568-8 เม.ย. 2570 และงานก่อสร้างโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ CHN-2A มูลค่า 8,376.16 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1 เม.ย. 2568-11 ก.ค. 2570 จากบริษัท ควอตซ์ คอมพิวติ้ง จำกัด

ก็ถือเป็นการขยายสู่น่านน้ำใหม่ หรือเปิดโลกธุรกิจใหม่ของ STECON ก็ว่าได้..!!

โอเค…ถ้าเป็นงานรับเหมาก่อสร้างแบบเดิม มูลค่างาน 16,000 ล้านบาท ก็ไม่ใหญ่มาก แต่สำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ถือว่าใหญ่มว๊ากกก..!!

ก็จะทำให้แบ็กล็อกของ STECON ที่จะรอรับรู้เป็นรายได้เพิ่มมากขึ้น

แต่ไฮไลต์ถือเป็นการเปิดหัวที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นที่รู้กันว่าบริษัท ควอตซ์ คอมพิวติ้ง ไม่ใช่บริษัทไก่กาที่ไหน แต่เป็นบริษัทในเครือ Alphabet Inc. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ยักษ์เทคโลกเชียวหนา…

แล้วถ้าดูจากกระแสที่รัฐบาลพยายามผลักและดันให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับ ผสมโรงกับการหลั่งไหลของบรรดาบิ๊กเทคต่างชาติที่เข้ามาจัดตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์, บริษัท ดิจิทัลแลนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในเครือ GDS มูลค่าลงทุน 28,000 ล้านบาท, โครงการ Data Hosting ของบริษัทในเครือ TikTok Pte. Ltd. ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ยอดนิยม มูลค่าลงทุน 126,790 ล้านบาท และเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 300,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี

บริษัท เน็กซ์ ดีซี จำกัด ผู้ให้บริการ Data Center รายใหญ่ของออสเตรเลีย มูลค่าการลงทุน 13,759 ล้านบาท, บริษัท ซีทีอาร์แอลเอส ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการ Data Center รายใหญ่จากอินเดีย มูลค่าการลงทุน 5,044 ล้านบาท, บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากประเทศจีน มูลค่าลงทุน 72,670 ล้านบาท และบริษัทในเครือ Empyrion Digital ประเทศสิงคโปร์ มูลค่าลงทุน 4,720 ล้านบาท

ไม่นับรวมบริษัทเทคอื่น ๆ ที่จะตามเข้ามาอีกในอนาคต…

นั่นหมายถึงโอกาสที่ STECON จะได้งานดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้นตามไปด้วย เพราะมีโปรไฟล์จาก Google ตีตราประทับไว้แล้ว

ส่วนอีกช็อตที่น่าสนใจ ถ้าไปดูอัตรากำไรสุทธิ หรือมาร์จิ้นของงานดาต้าเซ็นเตอร์ น่าจะสูงกว่างานรับเหมาดั้งเดิม ก็จะช่วยผลักดันอัตรากำไรสุทธิของ STECON ให้ดีขึ้นด้วย

ส่วนใครที่อยากรู้ว่า หลังจาก STECON ขึ้นเป็นโฮลดิ้งแล้ว จะเป็นหุ้น Defensive Stock (ทนทานในทุกสภาพตลาด) หรือเป็นหุ้น Growth Stock (หุ้นเติบโต) หรือเป็น Stock Dividend (หุ้นปันผล)..??

คงต้องไปถาม “กลุ่มชาญวีรกูล” แล้วล่ะ จะเลือกแบบไหน..??

…อิ อิ อิ…

Back to top button