
“ชัยยศ” แนะลงทุนกลุ่ม “Defensive” ชู ADVANC-BTS เด่น
นายชัยยศ จิวางกูร มอง UBS เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยกระตุ้นบรรยากาศลงทุน พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน กลุ่ม “Defensive” ชู ADVANC-BTS คาดผลงานเติบโตแกร่ง
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (19 มี.ค. 68) จากกรณีการที่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UBS ได้ออกมาเพิ่มน้ำหนักลงทุนตลาดหุ้นไทยนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าเป็นปัจจัยที่ดีต่อตลาด อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่าปัจจัยสนับสนุนในช่วงนี้ยังมีน้ำหนักไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับ ภาวะสงครามการค้า รวมถึงแนวโน้มการประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะมีทิศทางปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่
ทั้งนี้ บรรยากาศการลงทุนในตลาดอาจปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน หลังจากที่ UBS ซึ่งถือเป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนต่างชาติ ได้ปรับเพิ่มอันดับการแนะนำตลาดหุ้นไทยเป็น “Overweight” จากเดิมที่ให้คำแนะนำ “Neutral” ซึ่งนักวิเคราะห์ยังคงแนะนำให้จับตาดูทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติว่าจะกลับเข้าสู่ตลาดเมื่อใด
ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติ ยังคงทยอยขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ คำถามที่ตามมาคือ เศรษฐกิจไทยซบเซาถึงขั้นส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงเช่นนี้หรือไม่
ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ จนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ ตลาดหุ้นในภูมิภาค หรือ ภาคเทคโนโลยีระดับโลก จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นไทยยังขาดอุตสาหกรรมใหม่ ๆ New S-Curve ที่สามารถเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญและช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ไทยถูกจำกัดการเดินทางเข้าสหรัฐฯ นักวิเคราะห์มองว่าประเทศไทยอาจไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของมาตรการจากสหรัฐฯ โดยตรง แม้ว่าจะมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ จริง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว มูลค่าดังกล่าวยังไม่สูงมากนัก
ที่ผ่านมา ประเทศที่เผชิญกับมาตรการทางการค้าจากสหรัฐฯ แล้ว ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา และจีน เมื่อพิจารณาภาพรวมในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงต่อสงครามการค้าต่ำกว่า ประเทศที่ถูกมาตรการก่อนหน้ และอาจไม่ถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าในระดับสูงถึง 30-40%
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สหรัฐฯ จำกัดการเดินทางของเจ้าหน้าที่ไทย อาจถูกนำมาพิจารณาร่วมกับดุลการค้าระหว่างสองประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการทางการค้า แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์ มาตรการเช่นนี้อาจมีน้ำหนักบ้าง ทว่ายังถือว่า ไม่สมเหตุสมผล ที่จะนำไปสู่การดำเนินมาตรการกดดันทางการค้าอย่างจริงจัง โดยสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะมุ่งเป้าไปยังประเทศที่เกินดุลการค้ากับตนในระดับสูงก่อนเป็นลำดับแรก
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ลงทุน ลักษณะ Defensive ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากรายได้ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประชาชนยังคงใช้บริการดาต้าและอินเทอร์เน็ตในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการแข็งแกร่ง อีกทั้งคาดการณ์กำไรปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 3% จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐานที่ 311 บาท
ในส่วนของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แนวโน้มการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ช่วยสนับสนุนรายได้ของบริษัท อีกทั้ง ยังมีปัจจัยหนุนจากการเตรียมรับรู้รายได้จากการชนะคดี ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน จึงแนะนำ “ซื้อ” เช่นกัน โดยให้ราคาพื้นฐานที่ 6.49 บาท
สำหรับหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH กลยุทธ์การลงทุนจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของนักลงทุนเป็นหลัก หากให้ความสำคัญกับการเติบโตของบริษัท สามารถเข้าลงทุนได้ทันที เนื่องจากบริษัทที่เกิดจากการควบรวมอาจเริ่มมุ่งเน้นไปที่โครงการใหม่ ๆ เช่น Data Center และการลงทุนในเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคตอย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนให้ความสำคัญกับ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ควรพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากโครงสร้างใหม่ของบริษัทอาจส่งผลให้อัตราการจ่ายปันผลเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และอาจไม่ได้อยู่ในระดับสูงเช่นที่ผ่านมา