
“วุฒิสภา” นัดถก 24 มี.ค.นี้! แก้ปมบอทเทรด-ชอร์ตเซล สั่นคลอนตลาดหุ้น
คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วุฒิสภา นัดประชุม 24 มี.ค.นี้ หารือแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้โปรแกรม HFT และชอร์ตเซลหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพตลาดทุน พร้อมเชิญผู้เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวุฒิสภาวันนี้ (19 มี.ค.68) แจ้งว่า คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสื่อสารสารสนเทศ วุฒิสภา ซึ่งมีนายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล เป็นประธานได้กำหนดประชุมในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคมนี้ และส่งหนังสือเชิญปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการฯ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกลต. ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย นายกสมาคมนักลงทุนคุณค่า มาร่วมกันให้ข้อมูล และพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วนถึงผลดีผลเสียของการนำเทคโนโลยีบอทเทรด (โปรแกรมHFT) ที่ให้นำมาใช้พร้อมกับการชอร์ตเซลหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นอย่างไร ถือเป็นการสร้างหรือทำลายเสถียรภาพและความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย และสมควรต้องปรับปรุงแก้ไข หรือชะลอการใช้ออกไปหรือไม่อย่างไร เนื่องจากได้เกิดผลเสียหายมหาศาลต่อตลาดหุ้น
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวทางการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความถี่สูง (High-Frequency Trading: HFT) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยกล่าวถึงสภาพปัจจุบันของการซื้อขาย HFT ที่มีปริมาณการซื้อขายโดยรวมค่อนข้างต่ำ คิดเป็นประมาณ 50% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด แต่มีจำนวนคำสั่งซื้อขายสูงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 60% ของจำนวนคำสั่งซื้อขายทั้งหมด และในบางช่วงอาจสูงถึง 70% ของจำนวนคำสั่งซื้อขายทั้งหมด
แม้จะมีจำนวนคำสั่งซื้อขายสูง แต่ผลกระทบของ HFT ต่อราคาหลักทรัพย์ในตลาด (Market Impact) ยังค่อนข้างต่ำ โดยเฉลี่ยแล้วผลกระทบจะอยู่ที่ 0.07% ต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง และ 0.15% ในการซื้อขายต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโดยรวมแล้วการซื้อขาย HFT ยังไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ในตลาดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลการซื้อขาย HFT อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านนี้มีความรวดเร็วและอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของตลาดในอนาคต
ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการกำกับดูแล HFT ในอนาคต ก.ล.ต. เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน เช่น การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาใช้ในการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมระบบ Colocation ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการซื้อขาย HFT โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยจะมีการจำกัดจำนวนผู้ให้บริการ Colocation ในช่วงแรกประมาณ 100 ราย และกำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับความเร็วในการเชื่อมต่อที่ไม่เกิน 1,200 ไมโครวินาที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน
ในขณะเดียวกัน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย HFT โดยมีการศึกษาข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลจากต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่ากฎเกณฑ์ที่ออกมาจะมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของตลาดทุนไทย
นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดถึงข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้งานเทคโนโลยี HFT ในการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ในตลาด SET100 ซึ่งคาดว่าจะเกิดการเปิดให้บริการพร้อมกับระบบ Colocation ในปี 2568 โดยมีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อที่เร็วเกินไป จนอาจส่งผลให้ผู้ให้บริการบางรายไม่สามารถเข้าร่วมได้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลเสียจากการใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย
ก.ล.ต. ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการเชิญบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาร่วมกันพิจารณาและทบทวนถึงผลเสียที่อาจเกิดจากการนำเทคโนโลยี HFT มาใช้ในตลาดหลักทรัพย์ไทย และพิจารณาว่าควรมีการปรับปรุงหรือชะลอการใช้งานออกไปหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต