แนะสอย 12 หุ้นธีม “ต่ำบุ๊ก” พ่วงวงจรดอกเบี้ยขาลง

บล.กรุงศรี คัด 12 หุ้น ธีม Deep Value อาทิ CPALL, BDMS, MINT, GPSC, SCGP, HMPRO, KBANK, BBL, AOT และธีมวงจรดอกเบี้ยขาลง อาทิ MTC, AP และ ADVANC หลังเฟดจ่อประกาศคงดอกเบี้ยไว้ในกรอบ 4.25% - 4.5%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมกลยุทธ์ลงทุนรับผลการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะประกาศผลประชุมใน คืนนี้ ซึ่งเป็นจากบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ที่ได้มีการสรุปประเด็นสำคัญ พร้อมคาดการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับ Fed จากรายงาน MUFG US Macro Strategist กล่าวว่า การประชุม Fed รอบนี้ มีแนวโน้มที่จะยังคงดอกเบี้ยไว้ในกรอบ 4.25% – 4.5% เป็นมุมมองเดียวกับ Consensus ภาพสะท้อนจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดตอนนี้แสดงถึงโอกาสสูงถึง 98% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับมุมมองต่อ Dot Plot ที่จะมีการรายงานประกอบผลการประชุมในครั้งนี้ MUFG มองความเป็นไปได้ 3 ลักษณะ ได้แก่

1.แนวโน้มกลาง (Neutral Message) โอกาส 50% กล่าวคือ Fed ยังไม่มีการปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยจากการประชุมครั้งก่อนที่คาดปี 2568 จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง และแสดงความมั่นใจต่อเศรษฐกิจแม้มีความผันผวนในตลาดที่ผ่านมา โดย MUFG มองว่ากรณีนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเคลื่อนไหว Sideways และมีความผันผวนต่ำ

2.MUFG ประเมินว่ามีโอกาส 40% ที่ Fed จะส่งสัญญาณในเชิงผ่อนคลาย (Dovish) มากขึ้นเล็กน้อย โดยอาจแสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่ Fed จะประกาศยุติมาตรการดูดซับสภาพคล่อง (Quantitative Tightening: QT) อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งนำเงินจากตราสารหนี้ที่ครบกำหนดในพอร์ต MBS (Mortgage-Backed Securities) ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (USTs) ระยะสั้นแทน กรณีนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อพันธบัตรรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันอาจส่งผลให้ส่วนต่างผลตอบแทนของพันธบัตรกลุ่ม MBS ขยายตัวออกไป

3.MUFG ประเมินว่ามีโอกาสเพียง 10% ที่ Fed จะส่งสัญญาณในเชิงเข้มงวด (Hawkish) เล็กน้อย โดยอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยระยะยาว (long-run dot) เพิ่มขึ้น 0.125% สู่ระดับ 3.125% ในปลายปีนี้ หากประธาน Fed ย้ำจุดยืนว่า “ไม่เร่งรีบในการลดดอกเบี้ย” ก็อาจทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงตอบสนองในเชิงลบ (Risk-off) หรือ มีแนวโน้มการขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

ในภาพรวมคาดว่าจะเห็นมุมมองของ Fed ว่าดอกเบี้ยจะกลับสู่ระดับต่ำในระยะยาว โดยจะกลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 ภายในปี 2571 ด้านตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีสัญญาณอ่อนแอลงจากตัวเลขการปลดพนักงานที่สูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ส่วนด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลดลงเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของ Fed มากขึ้น

โดย MUFG มองว่าตลาดตราสารหนี้ของสหรัฐ ไม่ได้มีความกังวลต่อเงินเฟ้อในระยะยาว แต่หันมาให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงของการเติบโตอันเกิดจากผลกระทบจากนโยบายการค้าแทน โดยนักลงทุนควรจับตาการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (3M T-Bill) เป็นสัญญาณว่าจะมีการลดดอกเบี้ยของ Fed จริงหรือไม่

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้างต้น บล.กรุงศรี เห็นด้วยกับ MUFG ว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม และฝ่ายนักวิเคราะห์คาดจะเห็น Dot Plot ส่งสัญญานเป็นกลางถึง Dovish อ่อนๆ (Neutral to Dovish) ตามมุมมองของ MUFG ส่วนความเสี่ยงเงินเฟ้อ มองว่าคณะทำงานของ โดนัลด์ ทรัมป์ คำนึงถึงความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ (Inflationary Pressure) ที่เกิดจากการดำเนินนโยบายการค้าแบบกีดกัน (Protectionism) และนโยบายการจัดการกับผู้อพยพ (Immigration)

โดยทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะชะลอการดำเนิน นโยบายดังกล่าวลง หากมีสัญญานว่านโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงลบ่ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ยังมองสัญญานการเติบโตในอัตราที่ชะลอลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจนมากนัก

แนวโน้มดังกล่าวได้รับการคาดการณ์ว่าจะสร้างโมเมนตัมบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐไม่ผันผวนมากนัก โดยคาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะค่อยๆ แกว่งตัวขึ้นหรือลง (Sideways/Down) ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ว่า Fed ยังไม่กังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ แต่การมองภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบ Soft Landing” อาจสนับสนุนการย้ายเม็ดเงินไปยังตลาดหุ้นที่ยังไม่ค่อยได้รับความสนใจ (Laggard) ซึ่งมีปัจจัยที่สามารถกระตุ้นการเติบโตได้

สำหรับตลาดหุ้นไทย (SET) ที่อยู่ในช่วงราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Deep Value) โดยมี Equity Risk Premium ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย (+1.5 S.D.) เริ่มมีปัจจัยที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเติบโตในระยะยาว

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้น Deep Value ได้แก่ CPALL, BDMS, MINT, GPSC, SCGP, HMPRO, KBANK, BBL, AOT ผสานหุ้นในธีมวงจรดอกเบี้ยขาลง อาทิ MTC, AP และ ADVANC

ด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FOMC) วันที่ 18-19 มี.ค. นี้ พร้อมคาดว่าเฟด จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% เนื่องจากเฟดคงรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจังหวะการปรับลดคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ออกมา ประกอบกับอาจมีการส่งสัญญาณชะลอการทำ Quantitative Tightening (QT) ลง

Back to top button