
พาราสาวะถี
มีบทสรุปจบกันที่สูตร 28-7-2 สำหรับศึกซักฟอก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเป็นเวลาอภิปรายของฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 2 ชั่วโมง
มีบทสรุปจบกันที่สูตร 28-7-2 สำหรับศึกซักฟอก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเป็นเวลาอภิปรายของฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 2 ชั่วโมง เริ่มประชุมกันเวลา 8 โมงเช้าของวันที่ 24 มีนาคม จบไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่งวันที่ 25 มีนาคม เพื่อลงมติในวันรุ่งขึ้นคือ 26 มีนาคม แต่มีเงื่อนไขพ่วงท้ายว่า หากวันที่ 25 เวลาอภิปรายและผู้อภิปรายของฝ่ายค้านยังไม่ครบ แม้จะเลยเวลาเที่ยงคืน จะให้ฝ่ายค้านใช้โควตาของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยอาจจะไปลงมติในวันที่ 27 มีนาคมแทน
เงื่อนไขดังกล่าวเหมือนเป็นการบีบไม่ให้ฝ่ายรัฐบาลมีการประท้วงกันพร่ำเพรื่อ เพื่อจะได้รักษาเวลาเป็นการบีบกลับฝ่ายค้านแทน ซึ่งผลการเจรจาผ่านวิป 3 ฝ่าย อาจมองกันว่าเป็นชัยชนะเล็ก ๆ ของฝ่ายค้านที่แม้จะไม่ได้เวลา 30 ชั่วโมง แต่หายไปแค่ 2 ชั่วโมงถือว่าอยู่ในจุดที่น่าพอใจ แต่หากมองไปที่ข้อเรียกร้องของพรรคประชาชนก่อนหน้าที่อยากจะซักฟอก 5 วัน โดยวางเงื่อนไขไว้ว่าอยากให้การอภิปรายจบลงไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่งในแต่ละวัน เพราะดึกไปกว่านั้นไม่มีคนดูตรงนี้ถือว่าพลาดเป้า
มิหนำซ้ำ ยังจะเห็นว่าด้วยจำนวนวันที่ตีกรอบไว้แค่ 2 วัน ทำให้การอภิปรายของฝ่ายค้านในวันแรกจะไปจบลงที่เวลาตีห้าครึ่งของวันที่ 25 มีนาคม แล้วกลับมาประชุมกันต่อเริ่มอภิปรายตอนแปดโมงเช้าวันเดียวกัน ตรงนี้จะมีผลต่อเนื้อหาสาระที่พรรคฝ่ายค้านจะต้องจัดสรรปันส่วนเวลากันให้ดี โดยเฉพาะในช่วงไพร์มไทม์ หากจะให้แต่คนของพรรคประชาชนเป็นผู้อภิปรายเพียงพรรคเดียว ต้องถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นจะยอมหรือไม่
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลการยอมถอยให้ฝ่ายค้าน แล้วใช้เวลาแค่ 7 ชั่วโมง นั่นเป็นเพราะผ่านการประเมินมาแล้วว่า ข้อมูลที่ได้มาไม่ได้มีอะไรที่ทำให้นายกฯ หญิงต้องหนักใจ จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีประเด็นที่แหลมคมจนสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นชนวนล้มรัฐบาล หรือนำไปสู่การยุบสภาได้ ข้อกล่าวหา สิ่งที่จะนำมาอภิปรายยังคงเป็นเรื่องเดิม เพิ่มเติมคือท่วงทำนองการนำเสนอ ลีลา โวหารของผู้อภิปรายแต่ละคน ตรงนี้ต้องยอมรับว่าถ้าเป็นงานในสภาถือเป็นความถนัดของบรรดา สส.พรรคสีส้ม
งานนี้จะเป็นเหมือนที่ สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์เกทับหรือไม่ว่า ข้อสอบของฝ่ายค้านนายกฯ และรัฐบาลรู้หมดแล้ว ไม่ได้ข้อสอบรั่ว แต่ฝ่ายค้านพูดออกมาเอง มาอธิบายให้ฟังเองว่าจะพูดเรื่องอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน โจทย์ในญัตติก็มี อย่างนี้ไม่จำเป็นที่ฝ่ายค้านจะต้องมาเล่นเกมข้างนอกสภา ให้ไปเล่นกันในสภาได้อย่ากลัว ส่วนที่ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ขู่ว่าหลายเรื่องไม่เคยเป็นข่าว นายกฯ ฟังแล้วต้องอ้าปากค้างนั้น ไม่ใช่ปัญหา อภิปรายมานายกฯ ก็ตอบ ถ้ามีเหตุผลนายกฯ ก็ตอบหมด ยกเว้นประเภทมั่วมา
ไฮไลต์ในการเตรียมความพร้อมของแพทองธาร คงอยู่ที่วงดินเนอร์กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลวันศุกร์นี้ ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่ใช่เป็นข้อมูลพื้นฐานทั่วไป หากแต่เป็นข่าวที่ได้รับมาจากสายที่เสาะแสวงหามาโดยวิธีการต่าง ๆ ผ่านการกรองมาแล้วเรียบร้อย อะไรที่แปลกใหม่ ไม่เคยปรากฏเป็นข่าว หรือเป็นไม้เด็ดที่จะใช้เล่นงานนายกฯ จะถูกนำมาถกกันในวันดังกล่าว แต่ความจริงก็มีการแลกเปลี่ยนกันมาก่อนหน้าอยู่แล้วในระดับกุนซือของแต่ละพรรค
เพียงแค่บางข้อมูลเด็ด จำเป็นที่จะต้องให้หัวหน้าพรรคหรือแกนนำสำคัญของพรรคได้โชว์ผลงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับท่านผู้นำในฐานะของพรรคร่วมที่ไว้วางใจได้ ไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่คนบ้านในป่าจะขอลุกขึ้นอภิปรายเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีหัวโขนเป็น สส.มากว่า 2 ปี สแกนกันแล้วไม่มีอะไรใหม่ ดีไม่ดีจะมีการแฉกลับในบางเรื่องเสียด้วยซ้ำ บางแหล่งข่าวบอกว่าแค่เคาะกะลาทว่าถูกเมินจากอีกฝั่ง เพราะการข่าวภายในพรรคสืบทอดอำนาจนั้น เป็นที่รู้กันไม่มีอะไรที่ปิดได้มิดชิด
ไม่เพียงแต่การประสานงาน และได้รับการดูแลอย่างดีจาก ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยคนเหล่านั้นไม่ได้แสดงตัวว่าฝักใฝ่หรือมีใจที่จะเปลี่ยนสีเสื้อในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะจำเป็นต้องมีเก้าอี้ สส.การันตีทั้งการต่อรองผลประโยชน์ และหวังผลในการเลือกตั้ง ฟากฝั่งของพรรคนายใหญ่เองก็ยื่นเงื่อนไข หรือได้รับการส่งสารเพื่อให้ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา พี่ใหญ่ที่เคยเรืองอำนาจก็รู้ชะตากรรมตัวเองดี หากไม่มีคนเคยรักกันต่อรองกับฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบัน คงต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปนานแล้ว
นับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงก่อนการอภิปราย เชื่อได้ว่าจะมีการปูดข้อมูลออกมาเป็นระลอก ทั้งแหล่งข่าวที่มีตัวตน และไม่ระบุตัวตน หลังจากมุกแรกของฝ่ายค้านผ่านโปสเตอร์โปรโมตว่าด้วย “ดีลแลกประเทศ” ไม่ได้เร้าความสนใจ หรือสร้างกระแสให้คนอยากติดตามแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ประโคมกันมานั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องเดิมที่ไม่น่าจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว เช่นเดียวกับข่าวที่บอกว่าแพทองธารดูเหมือนจะหวั่นกับการอภิปรายหนนี้ ระวังกันไว้ให้ดีจะเป็นเกมสับขาหลอก
ลูกเล่น ลูกล่อลูกชน กลเกมทางการเมืองหากเป็นเมื่อก่อนจะมีสารพัดวิธีที่ใช้ปั่นหัวฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ในยุคนี้มีโอกาสน้อยที่คนจะเสพข่าวแบบตื่นตูม ตกใจ นั่นจึงทำให้ขบวนการปล่อยข่าว พวกชอบใช้ไอโอเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทำงานไม่เข้าเป้าตามที่คนจ่ายต้องการ พรรคสีส้มเองยังยอมรับการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้หนก่อนถือเป็นจังหวะดีที่สงครามโซเซียลทำงานได้ผล แต่รอบหน้ายังต้องลุ้นหมู่หรือจ่า ถ้าการซักฟอกรอบนี้จบแบบไม่มีอะไรในกอไผ่ ยิ่งจะเป็นโจทย์ยาก งานหนักกันเข้าไปอีก
ผลจากเผด็จการ คสช.ยึดอำนาจ แล้วลากยาวบริหารอำนาจ ปกป้องผลประโยชน์มานานกว่า 10 ปี ทำให้คนส่วนใหญ่ หรือแทบจะทั้งหมด ต่างเบื่อหน่ายกับการรบรา ช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง ความต้องการของประชาชนตอนนี้คือ ทำยังไงให้หลุดพ้นปัญหาปากท้อง คุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ไม่ว่าเถ้าแก่หรือยาจกต่างประสบปัญหากันทั้งสิ้น มันจึงไม่ใช่เวลาที่ทุกคนอยากจะฟังสงครามน้ำลาย เห็นได้จากผลสำรวจหลายหนที่คนส่วนใหญ่ชี้ว่า ไม่มีปัญหาแม้มีทุจริตบ้างแต่ทำให้คนอยู่ดีกินดี ถ้าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนอยู่กันสุขสบาย ความเห็นหรือความรู้สึกแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
อรชุน