TTB-KTB วิ่ง! ลือเตรียมควบรวม โบรกชี้สินทรัพย์พุ่ง 5.5 ล้านลบ.-ขยายพอร์ตสินเชื่อ

TTB-KTB กอดคอวิ่ง! รับกระแสข่าวควบรวม โบรกมองสินทรัพย์รวมพุ่ง 5.5 ล้านล้านบาท และขยายฐานพอร์ตสินเชื่อดีขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (21 มี.ค.68) ณ เวลา 10:07 น. นำโดย ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB อยู่ที่ระดับ 1.98 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 3.13% สูงสุดที่ระดับ 2.02 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.97 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 955.24 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 23.60 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.43% สูงสุดที่ระดับ 23.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 606.25 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าในเชิงมุมมองที่เป็นกลางเกี่ยวกับประเด็นการควบรวมระหว่าง KTB และ TTB ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยถูกพูดถึงมาแล้วหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นในทั้งสองธนาคาร

ในแง่ของ Synergy (การร่วมมือเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน) ทางบริษัทหลักทรัพย์เห็นว่า การควบรวมจะทำให้ขนาดของธุรกิจใหญ่ขึ้นจากการรวมสินเชื่อและสินทรัพย์ต่างๆ แต่ในแง่ของอัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ เช่น NIM (Net Interest Margin) หรืออัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ก็ยังคงใกล้เคียงกันมาก ซึ่งทำให้ความชัดเจนในการสร้าง Synergy จากการควบรวมยังไม่เห็นผลเหมือนกับกรณีที่ธนาคาร TMB ควบรวมกับธนาคาร TBANK ซึ่งมี Synergy ที่เห็นได้ชัด ทั้งจากการเพิ่มรายได้จากการทำ Upselling และ Cross Selling การปรับโครงสร้างเงินฝาก รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนั้น ทางบริษัทหลักทรัพย์มองว่า ความเป็นไปได้ที่การควบรวมนี้จะเกิดขึ้นจริงยังค่อนข้างน้อย

สำหรับกลุ่มธนาคารโดยรวม ทางบริษัทให้การวิเคราะห์ว่าเป็นกลุ่มที่ “เท่ากับตลาด” เนื่องจากกำไรสุทธิที่โตได้ไม่มากจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่มีจุดเด่นที่การจ่ายเงินปันผลสูง และฐานกำไรที่มีเสถียรภาพ จึงทำให้กลุ่มธนาคารนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว

โดยทางบริษัทชื่นชอบธนาคาร TTB และตั้งราคาเป้าหมายที่ 2.12 บาท เนื่องจากธนาคารมีปัจจัยรองรับ Downside (การลดลงของราคาหุ้น) ทั้งจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ช่วยจำกัดการลดลงของกำไรสุทธิ และการซื้อหุ้นคืนในระยะเวลา 3 ปี ปีละ 7,000 ล้านบาท ซึ่งช่วยจำกัดการลดลงของราคาหุ้นได้ รวมทั้งยังคาดการณ์ให้เงินปันผล (Div. Yield) ที่ 6.9%

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข่าวดังกล่าว เพราะยังไม่มีความชัดเจนกับดีลดังกล่าว แต่หากการควบรวม KTB และ TTB เกิดขึ้นจริง มองว่า จะกลายเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มที่ราว 5.5 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเกิดผลดีในระยะยาวจากการเกิด synergy ในการขยายพอร์ตสินเชื่อได้ดี เพราะทั้งสองธนาคารมีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างแตกต่างกัน

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวเคยออกมาแล้วช่วงกลางเดือน เม.ย.2561 โดย TTB มีการปรับตัวขึ้นก่อนมีข่าว 10% ส่วน KTB บวก 5% แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นปรับลงมา เพราะนักลงทุนคิดว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง

อย่างไรก็ดี เบื้องต้นวันนี้คาดว่าราคาหุ้นของ KTB และ TTB จะตอบรับเชิงบวกต่อประเด็นข่าวดังกล่าว โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ทั้ง KTB ให้ราคาเป้าหมายที่ 27.50 บาท และ TTB ให้ราคาเป้าหมาย 2.22 บาท

Back to top button