
“ทองนิวยอร์ก” ปิดลบ 22.40 เหรียญ เซ่นแรงขายทำกำไร-ดอลลาร์แข็งค่า
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดปิดลบ 22.40 เหรียญ โดยถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นและจากแรงขายทำกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงาน สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดลดลงในวันศุกร์ (21 มี.ค.68) โดยถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นและจากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ รวมถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงช่วยให้ราคาทองคำอยู่ในทิศทางขาขึ้นได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 22.40 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 3,021.40 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ปรับตัวขึ้น 1% ในรอบสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดทองคำเผชิญกับแรงขายทำกำไร และถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
ทองคำซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ และมักทำผลงานได้ดีเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำนั้น พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 16 ครั้งแล้วในปีนี้ โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,057.21 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.68)
นักวิเคราะห์ระบุว่า อุปสงค์ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงมีอยู่ ซึ่งเกิดจากความกังวลด้านการค้า ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของราคาทอง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยังคงมีแผนเดินหน้าบังคับใช้ภาษีตอบโต้ใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามที่ตลาดคาดการณ์เมื่อวันพุธ (19 มี.ค.) แต่ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสองครั้ง ครั้งละ 0.25% ก่อนสิ้นปีนี้
สำหรับปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น อิสราเอลประกาศเพิ่มการโจมตีทางอากาศ ทางบก และทางทะเลต่อกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา เพื่อกดดันให้มีการปล่อยตัวตัวประกันที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นการยุติการหยุดยิงที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 เดือน และเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินอย่างเต็มรูปแบบต่อกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์