
BBLAM ขายกองหุ้นสหรัฐฯ หนุนกำไรพอร์ตนักลงทุนโต
BBLAM เปิดกองใหม่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก หนุนนักลงทุนเก็บโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ครบ ผ่านกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นยูเอส 2000 พาสซีฟ IPO 27 มี.ค.-2 เม.ย.นี้
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM ระบุว่า บริษัทเตรียมจะเสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นยูเอส 2000 พาสซีฟ (Bualuang US Equity 2000 Passive Fund) หรือ B-US2000P เปิดจองซื้อครั้งแรก (IPO) 27 มี.ค.-2 เม.ย. 2568 โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการขาย ซึ่งกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนแบบ Passive Fund โดยเน้นบริหารให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงดัชนี Russell 2000 ผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares Russell 2000 ETF ซึ่งบริหารโดย BlackRock Fund Advisors บริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลก
กองทุนฯ มีนโยบายลงทุนโดยมุ่งเน้นไปที่หุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ กว่า 2,000 บริษัท ที่อ้างอิงกับดัชนี Russell 2000 ทาง BBLAM มองว่าเป็นการเติมเต็มโอกาสลงทุนให้กับนักลงทุนที่ส่วนมากเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนสามารถเก็บเกี่ยวโอกาสจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เต็มที่
อีกทั้งบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐฯ เองก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจ เช่น โอกาสลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพเติบโตสูง-หุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ มักมีอัตราการเติบโตสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ กระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน-Russell 2000 ครอบคลุมหุ้นกว่า 2,000 บริษัท ซึ่งอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งเทคโนโลยี การเงิน การแพทย์ อาหารและเครื่องดื่ม
จุดเด่นดังกล่าวยังมากับโอกาสที่เอื้อจากทั้งนโยบายภาครัฐ และคาดการณ์เศรษฐกิจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแบบ Soft Landing-แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตในอัตราที่ลดลง แต่ยังอยู่ในระดับที่ดี โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่ตลาดแรงงานมีเสถียรภาพมากขึ้น นโยบาย Trump 2.0 อาจกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ-การลดภาษีและการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ทางธุรกิจอาจช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ในระยะต่อไป Momentum เชิงบวกของผลประกอบการ-แม้ว่าหุ้นกลุ่ม Mega Cap เช่น “Magnificent 7” จะยังคงนำตลาด แต่หุ้นขนาดเล็กก็มีแนวโน้มได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของตลาดโดยรวม
สำหรับเหตุผลที่เลือกลงทุนใน iShares Russell 2000 ETF เพราะเป็นกองทุน ETF ที่มีสภาพคล่องสูง และได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลก และดัชนี Russell 2000 เป็นดัชนีที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเพื่อใช้อ้างอิงผลตอบแทนของหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก โดยมีองค์ประกอบของบริษัทขนาดเล็กกว่า 2,000 บริษัท