โบรกเชียร์เก็บ 5 หุ้นโรงแรม-สายการบิน! รัฐเตรียมชง “เราเที่ยวด้วยกัน” คัมแบ็ก

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นท่องเที่ยวและการบินที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐเตรียมปลุกกระแสท่องเที่ยวในประเทศช่วง Low Season ผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน 2568” รอบใหม่ โดยคาดว่าจะเสนอ ครม. พิจารณาในปลายเดือนมีนาคมนี้ พร้อมเปิดใช้งานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2568

โดยการรวบรวมครั้งนี้อาศัยข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเชิงบวกต่อมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นท่องเที่ยวและการบิน และภาคบริการที่ก่อนหน้านี้เผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวในช่วงต้นปี

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)  ระบุในบทวิเคราะห์ (27 มี.ค.68) ว่า กระทรวงท่องเที่ยวตั้งเป้าเริ่มมาตรการดังกล่าวในช่วง Low Season ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 25 โดยมีแผนจะเสนอมาตรการเราเที่ยวด้วยกันให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในเดือนมีนาคม2568

ทั้งนี้ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว การบิน หุ้นอิงภาคบริการ ที่ก่อนหน้าเผชิญปัจจัยลบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงต้นปี 2568 ชะลอจนทำให้ทั้งปีเริ่มมีความเสี่ยงต่ำกว่าเป้าหมาย Consensus โดยมาตรการดังกล่าว ผสาน การเตรียม Events ขับเคลื่อนท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูกาลคาดช่วยจิตวิทยาได้บางส่วน หนุนหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่มีฐานธุรกิจในประเทศสูง อาทิ ERW,AAV,CENTEL,AWC เน้น ERW

ด้านบล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า รัฐบาลเตรียมจะออกโครงการใหม่ที่คล้าย “เราเที่ยวด้วยกัน” (ชื่อโครงการยังอยู่ระหว่างการสรุปชื่ออย่างเป็นทางการ) จะช่วยค่าโรงแรมและค่าอาหารให้มากขึ้น (50%) โดยมีคูปองดิจิทัลให้ส่วนลด และอาจมีส่วนช่วยค่าตั๋วเครื่องบินด้วย

จำนวนสิทธิ์เบื้องต้นเปิดให้จอง 1 ล้านสิทธิ์ ในระยะแรก เพื่อให้คนไทย เที่ยวข้ามภาคมากขึ้นในช่วง Low Season โดยจะเสนอ ครม. อนุมัติในเดือน มี.ค.2568 โดยมีเงื่อนไขการเดินทางข้ามจังหวัด เช่น การจองที่พักในจังหวัดหนึ่ง อาจต้องมีการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นด้วย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมือง รองตามนโยบาย จะเริ่มเปิดให้จองสิทธิ์ในเดือน พ.ค.-ก.ย.2568

โดย DAOL มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 ถึงแม้ว่าจะให้เพียง 1 ล้านสิทธิ์ (เมื่อเทียบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟสที่ 1 ที่ 5 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 2 ที่ 1 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 3 ที่ 2 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 4 ที่ 1.5 ล้านสิทธิ์ และเฟสที่ 5 อีก 5.6แสนสิทธิ์) แต่จะมีการจ่ายสมทบให้ ประชาชนได้ถึง 50% ซึ่งมากกว่ารอบก่อนที่มีเราเที่ยวด้วยกันที่จ่ายให้ 40% (อิงโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ให้ส่วนลดที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/ ห้อง/คืน ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 10 ห้องหรือคืนต่อคน และคูปองอิเล็กทรอนิกส์ ส าหรับจ่ายค่าอาหารและท่องเที่ยว มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 600 บาท/ ห้อง/วัน) โดยจะเริ่มใช้สิทธิ์ได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/68-ไตรมาส 3/68 ซึ่งเป็น Low season ของไทย และจะบังคับให้เดินทางหลายจังหวัดเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้ มากขึ้น

โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาก-น้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ใน ประเทศไทยจากมาก-น้อย คือ ERW (88%), CENTEL (80%) และ MINT (15%) โดยคาดว่า ERW และ CENTELจะได้ sentiment เชิงบวกจากทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีมากที่สุด นอกจากนี้หากตั๋วเครื่องบินใช้กับโครงการนี้ได้ด้วยจะเป็นบวกต่อ AAV เพิ่มเติม ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด”

สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 จะเป็นผลดีต่อ ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท , บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท

ขณะที่ Top Pick ของกลุ่มยังคงเป็น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท