
ดอลลาร์แข็งเพราะทรัมป์
ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ (26 มี.ค.) เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ
ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพุธ (26 มี.ค.) เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. และจะเริ่มดำเนินการเรียกเก็บภาษีในวันที่ 3 เม.ย. นี้
ทั้งนี้ ภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บครั้งล่าสุดนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 2.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศและดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมเข้ามาในสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาดอลลาร์สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นของโลก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอีกครั้งโดยเฉพาะในเอเชีย รายงานข่าวจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์ เมื่อ 27 มี.ค. 68 แจ้งว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะกรอบล่าง 150 เยนในการซื้อขายเช้าวานนี้ที่ตลาดโตเกียว โดยนักลงทุนได้เข้าซื้อเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษี 25% จากการนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวานนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 150.17-150.19 เยน เทียบกับ 150.53-150.63 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 150.40-150.42 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น.ของเมื่อวานซืนนี้
ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.0775-1.0777 ดอลลาร์ และ 161.81-161.86 เยน เทียบกับ 1.0747-1.0757 ดอลลาร์ และ 161.66-161.76 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.0786-1.0787 ดอลลาร์ และ 162.23-162.27 เยนที่ตลาดโตเกียวในช่วงเย็นวานซืนนี้
การอ่อนตัวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินเยนเป็นภาวการณ์ชั่วคราวช่วงขาขึ้นของค่าดอลลาร์ เพราะนโยบายก่อสงครามการค้าของทรัมป์ และนโยบายกีดกันแรงงานต่างชาติซึ่งทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อที่ตลาดคาดเดาว่าค่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นอีกเนื่องจากทั้งสองนโยบายจะส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นขาขึ้นและจะไม่ลดลงง่าย ๆ จนถึงสิ้นปีนี้
ทิศทางของค่าดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ของโลกทั้งเงินเยนและยูโร ส่งผลให้เฟดฯ ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ และยังทำให้ตลาดหุ้นทั่วไปนอกตลาดสหรัฐฯ ผันผวนไร้ทิศทาง เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่าง ๆ ด้อยค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินจำเป็นต้องถือดอลลาร์ไว้ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าความแข็งแกร่งของตลาดดอลลาร์เป็นเพียงมายาภาพชั่วคราวเท่านั้น
วิษณุ โชลิตกุล