LIT จิ๋วแต่แจ๋ว
นับตั้งแต่ LIT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2557 บริษัทก็ยังสามารถโชว์กำไรสุทธิได้ดีเยี่ยมจนถึงปัจจุบัน เหตุหนึ่งบริษัทเข้าใจลูกค้า เนื่องจากเลือกเจาะกลุ่มตลาดถูกต้อง โดยการให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีข้อจำกัดในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้เป็นอย่างดี
–คุณค่าบริษัท–
นับตั้งแต่ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2557 บริษัทก็ยังสามารถโชว์กำไรสุทธิได้ดีเยี่ยมจนถึงปัจจุบัน เหตุหนึ่งบริษัทเข้าใจลูกค้า เนื่องจากเลือกเจาะกลุ่มตลาดถูกต้อง โดยการให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีข้อจำกัดในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้เป็นอย่างดี
โดยแบ่งบริการเป็น 4 ประเภท คือ สินเชื่อสัญญาเช่าทางการเงินหรือลิสซิ่ง สินเชื่อสัญญาเช่าซื้อ สินเชื่อการรับโอนสิทธิเรียกร้องหรือแฟคตอริ่ง และบริการเสริมอื่นๆ เช่น สินเชื่อเพื่อการจัดหาหนังสือค้ำประกันซอง สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ และบริการจัดหาสินค้า
สิ่งที่บริหารคิดสามารถเป็นไปตามแผนที่ว่างไว้จริงๆ
เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าบริษัทจะยังอยู่ในกลุ่มของตลาดสินเชื่อขนาดเล็ก แต่บอกเลยว่า “จิ๋วแต่แจ๋ว” เพราะผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 บอกถึงความสามารถอันแท้จริง โดยบริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 190.91 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 128.07 ล้านบาท ซึ่งการปรับตัวขึ้นเป็นไปตามหลักการโดยมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ รวมไปถึงรายได้อื่นๆ เข้ามา ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 70.45 ล้านบาท หรือ 0.35 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 47.81 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้น
สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนมากยิ่งขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ LIT เป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์หลายๆ สำนักแนะนำให้ซื้อลงทุนกัน จนหุ้นตัวนี้มักติดในโผหุ้นขึ้นแรงอยู่เป็นประจำ งานนี้เชื่อว่าเมื่อผลประกอบการดีอย่างนี้ หลายฝ่ายคงออกบทวิเคราะห์ถึงราคาเป้าหมายในปี 2559 อย่างแน่นอน
ในแง่ผู้บริหาร ระบุว่าในปี 2559 รายได้และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ทั้งในแง่ของยอดสินเชื่อคงค้าง ประกอบกับส่วนของ Product สินเชื่อ Factoring หรือการรับซื้อหนี้การค้า ตั้งเป้าปีนี้โต 100% อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดรับซื้อหนี้การค้า 3,880 ล้านบาท ด้วยการเร่งขยายฐานลูกค้าใหม่ เพื่อนำเสนอสินเชื่อครบวงจรให้กับลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยยืนจุดแข็งคือ อนุมัติเร็ว วงเงินสูง และไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
ส่วน Product สินเชื่อ Bid Bond หรือสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูล สำหรับ SMEs ที่ทำงานภาครัฐและต้องการเข้าร่วมประมูลงาน ลีซ อิท ตั้งเป้าหมายเติบโตถึง 100% เช่นกัน เพราะจากบรรยากาศที่ภาครัฐให้ความสำคัญแก่การประมูลให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม โดยเปลี่ยนวิธีการประมูลมาใช้ E-Bidding แทน E-Auctionเดิม จะทำให้ผู้ประกอบการทั่วไปมีโอกาสเข้าแข่งขันราคาเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนและการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐในปีนี้ จะเป็นเครื่องจักรที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ขณะที่ Product สินเชื่อ Project Backup Financing คาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 30% ของรายได้รวมเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ซึ่งอาจไม่เหมาะสมที่จะไปเร่งยอดเติบโตในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใสเช่นนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ไปที่ระดับเป้าหมาย 3% ของยอดสินเชื่อคงค้าง
ทั้งนี้ มีบทวิเคราะห์เจ้าแรกออกมาหลังประการผลการดำเนินงาน คือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ขึ้นเป็น 91.5 ล้านบาท จากเดิม 87.56 ล้านบาท ซึ่ง เพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อ Factoring ที่เติบโตดีกว่าคาดและรายได้ค่าธรรมเนียมของสินเชื่อต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่รุกกว่าที่คาด แผนงานในระยะกลางตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไปเริ่มมีความตื่นเต้นมากขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนขยายไปสู่ธุรกิจอื่นในกลุ่มการเงิน ซึ่งรวมถึงการเปิดสาขาในต่างจังหวัดและการซื้อกิจการ คงแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2559 ที่ 10 บาท
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) 93,999,965 หุ้น 47.00%
2.นายประสิทธิ์ กาญจนศักดิ์ชัย 12,000,000 หุ้น 6.00%
3.นายมินทร์ อิงค์ธเนศ 6,420,237 หุ้น 3.21%
4.นายชัชวาล เตชะมีเกียรติชัย 3,391,900 หุ้น 1.70%
5.นายวิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต 3,000,000 หุ้น 1.50%
รายชื่อกรรมการ
1.นาง ดวงพร สุจริตานุวัต ประธานกรรมการ
2.นาง ดวงพร สุจริตานุวัต กรรมการอิสระ
3.นาง ดวงพร สุจริตานุวัตกรรมการตรวจสอบ
4.นาย สมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ
5.นาย สมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการ