ท่องเที่ยวญี่ปุ่นลูบคมตลาดทุน
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์รายวัน “ข่าวหุ้นธุรกิจ” พาพนักงานที่มีอายุงานเกิน 10 ปี ไปทัศนศึกษา ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ธนะชัย ณ นคร
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์รายวัน “ข่าวหุ้นธุรกิจ” พาพนักงานที่มีอายุงานเกิน 10 ปี ไปทัศนศึกษา ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
นำโดยพี่ชาญชัย หรือคุณชาญชัย สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ฯ
ช่วงอยู่ที่ญี่ปุ่น มีแหล่งข่าวท่านหนึ่งแซวผมผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์คว่า มีทุนจากประเทศญี่ปุนมาลากดัชนี ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ใช่ผมที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
ผมหัวเราะ…. ตอบกลับไปไม่ทราบและไม่รู้เรื่องจริงๆ
แต่หากระบุว่าเป็นหุ้นสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง มีทุนต่างชาติทางเอเชียถือหุ้นใหญ่ ร่วมมือกับโบรกฯ….. และนักลงทุนรายใหญ่ กำลังใช้ทฤษฎีสมคบคิดเพื่อลากหุ้นตัวนี้
เรื่องนี้พอจะได้ยินมาบ้าง
หุ้นตัวนี้พื้นฐานพอใช้ได้นะ ราคาวิ่งขึ้นมาได้สักระยะแล้วล่ะ แต่พี/อี สูงเชียว และมูลค่าการซื้อขายในช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า ก็มากผิดปกติ
เขาเล่าว่า บริษัทพยายามให้ข้อมูลกับโบรกฯ…. เพื่อปล่อยข่าวต่างๆ ออกมา ทั้งจุดแข็งของบริษัทและโอกาสทางธุรกิจ
พร้อมกับอัพราคาเป้าหมายขยับขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นก็ให้ทางพีอาร์ช่วยส่งข่าวให้กับสื่อมวลชนเพื่อนำเสนอ
ข้อมูลเท่าที่ทราบและพอเขียนได้มีแค่นี้แหละ จริงเท็จอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องลองๆ ติดตามกันดู เพราะวิธีการนี้คล้ายๆ เคยใช้กับหุ้นบางตัวด้วย
กลับมาที่ประเทศญี่ปุ่นกัน
การเดินทางครั้งนี้มีพนักงานของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ที่ทำงานครบ 10 ปี ร่วมคณะประมาณ 25 คน
เศรษฐกิจของญี่ปุ่น อยางที่เราทราบกัน ซบเซามานานพอสมควร
เงินเฟ้ออยู่ในอัตราที่ต่ำต่อเนื่องกันเป็นสิบปี รัฐบาลของเขาจึงมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น QE ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำถึงติดลบ ทำค่าเงินให้อ่อน สินค้าจะได้ราคาไม่แพง
และยังส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว เช่น การยกเว้นวีซ่าให้กับบางประเทศ รวมถึงของไทยด้วย เพื่อให้เดินทางเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น มาจับจ่ายใช้สอย ช็อปปิ้ง และก็ได้ผล
ปี 2558 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป มีนักท่องเที่ยวดินทางเข้าญี่ปุ่นประมาณ 17-18 ล้านคน เติบโต 54% และช่วยผลักดันให้จีดีพีญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านล้านเยน
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 คือ เกาหลีใต้
อันดับ 2 คือ ไต้หวัน อันดับ 3 เป็นประเทศจีน อันดับ 4 ฮ่องกง และอันดับ 5 คือประเทศไทย
ที่น่าสนใจคือ อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าญี่ปุ่น มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น ในเดือนธันวาคม 2558 เติบโตจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 82.7%
ส่วนนักท่องเที่ยวจากไทยที่เข้าญี่ปุ่นนั้นมีอัตราการเติบโตประมาณ 22%
ในปี 2563 นั้น ทางการญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน แต่หากดูตัวเลขในปี 2558 ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตัวเลขดังกล่าว จะมาถึงก่อนกำหนด
นอกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ การมีภูมิประเทศสวยงาม การเดินทางสะดวก การขนส่งระบบรางที่โยงใยเป็นระบบ ก็สร้างความคล่องตัวให้กับนักท่องเที่ยว
รถไฟทางคู่ รางคู่ รางขนาด 1 เมตร รางขนาด 1.435 เมตร และรถไฟความเร็วสูง มีครบ
รถไฟฟ้าตามเมืองต่างๆ มีทั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้าแบบปกติ รถไฟฟ้าใต้ดิน และแบบโมโนเรล หรือขนาดเบา เชื่อมโยงกันอย่างดี ไม่ใช่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมา พอสุดสายจะเดินทางต่อรถไฟฟ้าอีกสาย แล้วต้องมานั่งรถเมล์อีก 1 กิโลเมตรก่อน อะไรแบบนี้ ไม่มีหรอกครับ
ความสะอาดของบ้านเมือง การเคารพกฎจราจร ทั้งคนขับรถ และเดินทางเท้า ห้องน้ำสาธารณะสะอาด ความสุภาพอ่อนน้อม ความปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกจุดแข็งที่การท่องเที่ยวญี่ปุ่นเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
พ่อค้า แม่ค้า ที่ญี่ปุ่น แม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้
ทว่า เดี๋ยวนี้เวลาเจอคนไทย จะทักทาย “สวัสดี” หรือถามเราว่า ซื้อไหม…อร่อยมากๆ (สำเนียงญี่ปุ่น) หรือ ซื้อไหม….ตัวเปงๆ (ตัวเป็นๆ) พร้อมชี้ให้ดูปูอลาสก้าที่อยู่ในกะละมังน้ำ
ร้านอาหาร หรือร้านขายของหลายๆ ร้าน จะมีเขียนภาษาจีน และภาษาไทยกำกับไว้ด้วย เช่น ยินดีต้อนรับ หรือ “3 ชิ้น 1,000 เยน” หรือแม้กระทั่งป้ายเขียน “ห้ามจับ” “ห้ามบีบ”(ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี่) ก็มีเขียนไว้เช่นกัน
นี่คือการปรับตัวของรัฐบาลและคนญี่ปุ่นเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ในปีนี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างมองว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปีนี้ก็อาจผงกหัวได้ไม่มากนัก
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดเมื่อสิ้นปี 2558 ที่ 18,818.58 จุด และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ปิดที่ 15,967.17 จุด นั่นเท่ากับว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับลงจากสิ้นปีที่แล้ว -15.15%
ญี่ปุ่นฝากความหวังไว้กับการท่องเที่ยวอย่างมาก
เช่นเดียวกับของประเทศไทยนั่นแหละ