DBD จับมือ ตลท.-ก.ล.ต. ยกระดับกฎเกณฑ์ซื้อหุ้นคืน “โปร่งใส-เป็นธรรม”

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เผยผลรับฟังความคิดเห็นร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการซื้อหุ้นคืนฯ พร้อมจับมือ ตลท.-ก.ล.ต. พัฒนากติกาให้โปร่งใส ยุติธรรม และเป็นมาตรฐานสำหรับผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อปรับปรุงกฎกระทรวงเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนให้บริษัทสามารถบริหารจัดการการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนและบริหารสภาพคล่องของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยได้เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท ระหว่างวันที่ 12 – 27 มีนาคม 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย www.law.go.th และเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งผลดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎกระทรวงฯ

ทั้งนี้ ผลดังกล่าว พบว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ความสนใจในประเด็นหลัก ได้แก่ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการซื้อหุ้นคืน กระบวนการอนุมัติ และการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดเพื่อนำไปปรับปรุงร่างกฎกระทรวงให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
จากผลการรับฟังความคิดเห็น มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งสิ้น 34 ราย โดย

ประเด็นแรก เรื่องการยกเลิกระยะเวลาพักคอย 6 เดือน มีผู้เห็นด้วย 25 ราย หรือคิดเป็น 73.53% ขณะที่อีก 9 ราย หรือ 26.47% ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกระยะเวลาพักคอย

ประเด็นที่สอง เรื่องการเพิ่มเติมระยะเวลาในการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน มีผู้เห็นด้วย 24 ราย คิดเป็น 70.59 % ส่วนอีก 10 ราย หรือ 29.41% ไม่เห็นด้วยกับการขยายระยะเวลาจำหน่ายหุ้น

โดยผู้ที่เห็นด้วยส่วนใหญ่มองว่า ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับบริษัทในการบริหารโครงสร้างทุน สามารถบริหารสภาพคล่องได้ดีขึ้น และเป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ขณะที่ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจใช้การซื้อหุ้นคืนเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรืออาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดทุนและความชัดเจนของเงื่อนไขในการนำหุ้นที่ซื้อคืนมาใช้ในอนาคต

สำหรับการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงในครั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อบริษัทในการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนให้สามารถดำเนินการได้ตามสภาวการณ์ของตลาดในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ทำให้บริษัทสามารถซื้อหุ้นคืนได้ทันทีเมื่อเห็นว่าราคาเหมาะสมโดยไม่ต้องรอ อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทสามารถซื้อหุ้นคืน ได้ไม่จำกัด อาจกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของบริษัท เปิดช่องให้เกิดการซื้อหุ้นคืนที่ต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามกลไกตลาด และอาจถูกนำไปใช้เพื่อสร้างราคา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริง ของบริษัท กระทบต่อความสมดุลของบริษัทและการคุ้มครองผู้ลงทุน

อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญกับข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย ความชัดเจนของระยะเวลาในการถือครองหุ้นที่ซื้อคืน และแนวปฏิบัติที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว สามารถส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชนได้อย่างมีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือ ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะนำผลการรับฟังความคิดเห็นมาสรุปและวิเคราะห์ถึงผลกระทบ เพื่อพิจารณาปรับปรุงร่างกฎกระทรวงฯ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมายอีกครั้ง โดยจะมีการเผยแพร่ข้อมูลความคืบหน้าให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้รับทราบต่อไป

Back to top button