
“ดาวฟิวเจอร์” เด้งแรง 1,100 จุด รับสัญญาณสหรัฐฯ พร้อมเจรจาภาษี 70 ประเทศ
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์เด้งแรงกว่า 1,100 จุด รับสัญญาณบวกจากการเปิดเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับเกือบ 70 ประเทศ หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ต้นเดือน เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 เมษายน 2568) เวลา 19:42 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยปรับตัวบวก 1,141 จุด หรือ 2.99% แตะระดับ 39,316 จุด สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของตลาดได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้มีรัฐบาลจากเกือบ 70 ประเทศติดต่อเข้ามาเพื่อขอเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยทางรัฐบาลสหรัฐพร้อมเปิดรับการเจรจากับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ อย่างเต็มที่
นายเบสเซนต์ ระบุว่า การเจรจาดังกล่าวอาจใช้ระยะเวลาหลายเดือน โดยระบุว่า “เกือบ 70 ประเทศได้ติดต่อทำเนียบขาวเพื่อขอหารือเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ซึ่งจะทำให้ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนเป็นช่วงเวลาที่เราจะมีภารกิจการเจรจาอย่างหนาแน่น” พร้อมเสริมว่า หากคู่เจรจามาพร้อมข้อเสนอที่เหมาะสม ก็มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันได้
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศใช้มาตรการ “ภาษีศุลกากรตอบโต้” (Reciprocal Tariff) และ “ภาษีศุลกากรพื้นฐาน” (Baseline Tariff) โดยภาษีศุลกากรตอบโต้มีอัตราอยู่ในช่วง 10-49% ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่อัตรา 10% สำหรับทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
นายเบสเซนต์ ยังกล่าวถึงท่าทีของจีนที่ประกาศตอบโต้ทางภาษีกับสหรัฐฯ ว่า อาจเป็นความผิดพลาดครั้งสำคัญ โดยระบุว่า “จีนถือไพ่ที่ด้อยกว่าในสมรภูมิการค้าครั้งนี้ เพราะการส่งออกของสหรัฐฯ ไปยังจีนมีสัดส่วนเพียง 1 ใน 5 ของการส่งออกจากจีนมายังสหรัฐฯ จีนจึงเสี่ยงต่อการถูกสหรัฐฯ ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง”
ล่าสุด จีนประกาศเรียกเก็บภาษีในอัตรา 34% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราเดียวกันต่อสินค้านำเข้าจากจีนก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อรวมกับภาษีศุลกากรระดับ 20% ที่มีอยู่เดิม จะทำให้อัตราภาษีรวมที่จีนต้องชำระแก่สหรัฐฯ สูงถึง 54%
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้กำหนดเส้นตายให้รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการดังกล่าวภายในวันนี้ (8 เมษายน) มิฉะนั้น สหรัฐฯ จะพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 50% ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีรวมสูงสุดที่จีนต้องเผชิญแตะระดับ 104% ทางด้านรัฐบาลจีน ยืนยันที่จะไม่ยอมยกเลิกมาตรการดังกล่าว พร้อมประกาศจะยืนหยัดต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ