
ตลท.จี้ AKS แจงงบปี 67 ปมลงทุน GEPT–WEH–ธุรกิจกัญชง เดดไลน์ 24 เม.ย.นี้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่ง AKS ชี้แจงงบปี 67 หลังพบข้อสังเกตผู้สอบบัญชีทั้งการลงทุนใน GEPT โรงไฟฟ้าเมียนมา และการซื้อคืนหุ้น WEH พ่วงด้อยค่าธุรกิจผลิตกัญชง ภายใน 24 เม.ย.นี้
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ บริษัท เอเคเอส คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AKS ชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงบการเงินประจำปี 2567 ตามข้อสังเกตของผู้สอบบัญชี ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินผลการดำเนินงาน และแนวโน้มธุรกิจในอนาคตของบริษัท โดยผู้สอบบัญชีได้ระบุประเด็นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1.การลงทุนเพิ่มในบริษัท กรีนเอิร์ธพาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จํากัด (GEPT) (ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมียนมาร์) เมื่อเดือนกันยายน 2567 คณะกรรมการบริษัทมีมติให้ซื้อหุ้น GEPT จากบริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ META สัดส่วน 12% (ปัจจุบันถือ 11.5% เป็นเงินลงทุน 1,382 ล้านบาท) โดยทําสัญญาให้ Planet Energy Holding Pte. (PEH) เป็นผู้เจรจากับ META และได้จ่ายค่าธรรมเนียมจัดหาหุ้นให้กับ PEH มูลค่า 300ล้านบาท รวมทั้งเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้จ่ายเงินมัดจําค่าหุ้นแบบเรียกคืนได้ให้กับ META มูลค่า 250 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลให้จะต้องได้รับเงินคืนจาก PEH มูลค่า 255 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้รับคืน
ทั้งนี้ปี 2567 บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของหุ้น GEPT จำนวน 798 ล้านบาท (คิดเป็น 58% ของเงินลงทุน) ทําให้เงินลงทุนลดลงจาก 1,382 ล้านบาท เหลือ 585 ล้านบาท และผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตของการลงทุนเพิ่มเติมตามข้างต้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขอทราบความเห็นของคณะกรรมการ AKS ดังนี้
1.1 ความสมเหตุสมผลของราคาซื้อหุ้น GEPT และการปรับราคาซื้อเพิ่มอีก 20% โดยบริษัทได้หุ้นสัดส่วนเท่าเดิมและ มูลค่ายุติธรรมของหุ้น GEPT ลดลง รวมทั้งการจ่ายเงินมัดจํา พร้อมสรุปข้อมูลที่ใช้พิจารณาลงทุนโดยสังเขป (เช่น อัตราผลตอบแทน เงื่อนไขยกเลิกการลงทุน) มาตรการป้องกันความเสี่ยง (เช่น การเรียกหลักประกัน)
1.2 ความสมเหตุสมผลและประโยชน์สูงสุดที่บริษัทจะได้รับจากการให้ PEH เป็นผู้เจรจาซื้อหุ้นแทนเจรจากับ META โดยตรง ทั้งที่บริษัทมีความสัมพันธ์เป็นผู้ถือหุ้นของ GEPT สัดส่วน 11.5% พร้อมสรุปข้อมูลสําคัญของ PEH และสัญญา (เช่น การประกอบธุรกิจ ชื่อผู้ถือหุ้นและกรรมการ รวมถึงความสัมพันธ์กับบริษัทผู้ถือหุ้น กรรมการ และผู้บริหาร ณ วันที่เข้าทําสัญญาและปัจจุบัน กรอบเวลาของสัญญา เงื่อนไขสําคัญตามสัญญา)
1.3 ความคืบหน้าและการดําเนินการเพื่อให้ได้หุ้น GEPT และรับเงินคืนจาก PEH รวมทั้งมาตรการป้องกันความเสี่ยง (เช่น การเรียกหลักประกัน) กรอบเวลาที่จะได้รับหุ้น GEPT และได้รับเงินคืนครบจํานวน
ทั้งนี้ขอให้รายงานความคืบหน้าพร้อมกับการนําส่งงบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการ ดําเนินการใดๆ ที่สําคัญจนกว่าจะได้หุ้น GEPT หรือได้รับเงินคืนจาก PEH ครบถ้วน
2.การทยอยจ่ายซื้อคืนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี่ โฮลดิ้ง จํากัด (WEH) ตามที่ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลกรณีทําสัญญาขายหุ้น WEH จำนวน 1.25 ล้านหุ้น และซื้อคืนในราคาที่สูงกว่า บริษัทชี้แจงว่าเป็นการทําสัญญากู้ยืมเงินโดยใช้หุ้น WEH เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งผู้ให้กู้ ต้องโอนหุ้น WEH คืนเมื่อได้รับชําระเงินครบถ้วนตามสัญญากู้ยืม
ทั้งนี้ปี 2567 กลุ่มบริษัทไม่สามารถชําระเงินได้ตามกําหนด 5.2 ล้านบาท และมียอดที่ต้องชําระภายในปี 2568 อีก 86.2 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรม 431 ล้านบาท (33% ของเงินลงทุน) ทําให้เงินลงทุนลดลง จาก 1,290 ล้านบาท เหลือ 859 ล้านบาท ซึ่งผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตตามข้างต้นและการทําสัญญาขายหุ้น WEH และซื้อคืนใน ราคาที่สูงกว่า
ตลาดหลักทรัพย์ฯขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทดังนี้
2.1 มาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกยึด WEH ซึ่งเป็นหลักประกันเงินกู้ยืม
2.2 ความคืบหน้าการชําระหนี้ครบกําหนดแล้วและแนวทางดําเนินการเพื่อชําระหนี้จะครบในปี 2568 ได้ตามกําหนด
3.การประกอบธุรกิจในอนาคต
ปี 2567 บริษัทบันทึกด้อยค่าความนิยมของบริษัท อีโกรนิกส์ จํากัด (ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกัญชงกัญชา : บริษัทย่อย 100%) มูลค่า 1,034 ล้านบาท จากมูลค่าเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท ทําให้มีค่าความนิยมเหลือ 101 ล้านบาท รวมทั้งบริษัท บันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของ GEPT และ WEH ตามที่ระบุในข้อ 1 และ 2 รวม 1,229 ล้านบาท ซึ่งผู้สอบบัญชี มีข้อสังเกตตามข้างต้น
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทดังนี้
3.1 นโยบายการประกอบธุรกิจกัญชงกัญชาในอนาคต รวมทั้งมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนต่างๆ ในอนาคต เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อฐานะการเงิน ผลการดําเนินงาน และสภาพคล่องของบริษัท
3.2 ความครบถ้วนเพียงพอของบันทึกค่าความนิยมหรือมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน