
CGSI ชี้ SET ไซด์เวย์กรอบ 1,120-1,150 จุด พร้อมแนะลงทุน 2 หุ้นเด่น
CGSI คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวพักฐานบริเวณ 1,120-1,150 จุด หลังปรับตัวขึ้นมาแรงเมื่อวานนี้ พร้อมแนะนำลงทุน 2 หุ้นเด่น คือ KBANK-BDMS
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ วันนี้ (11 เม.ย.68) ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงกลับลงมาอีกครั้ง (ดัชนี DJIA ลดลง 2.5%, S&P500 ลดลง 3.5%, Nasdaq ลดลง 4.3%) แม้ว่าการที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ประกาศเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้จะช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์แข็งแกร่งวานนี้ (10 เม.ย.68) และส่งผลให้ EU ชะลอการใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐออกไป 90 วันเช่นกัน ซึ่งเป็น Sentiment บวกให้ดัชนี STOXX600 (เพิ่มขึ้น 3.7%) ปิดทำนิวไฮในรอบ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวล (ดัชนี VIX เพิ่มขึ้น 21.1%) ต่อการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจากผลกระทบสงครามการค้า โดยเฉพาะกับจีนหลังทำเนียบขาวเผยว่าอัตราภาษีรวมที่จะเก็บจากจีนอยู่ที่ 145% (เดิม 20% และภาษีใหม่ 125%) กอปรกับข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐเดือนมี.ค. ที่เติบโตลดลง
โดย ดัชนี CPI ขยายตัว 2.4% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.5% (เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.8%) และ Core CPI ขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนต่ำกว่าตลาดคาด 3.0% (เมื่อเทียบกับ เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 3.1%) ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) ที่ยังคงไม่ชัดเจนว่าจะให้น้ำหนักกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหรือผลกระทบจากนโยบายการค้าของทรัมป์อย่างไร
สำหรับความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ยังส่งผลให้แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันลดลง กดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.7% และสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 3.2%
ทั้งนี้ คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวพักฐานบริเวณ 1,120-1,150 จุด หลังปรับตัวขึ้นมาแรงเมื่อวานนี้ (เพิ่มขึ้น 4.6%)
ทั้งนี้ มองว่าโดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของทรัมป์ที่มีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับจีนที่มีการออกมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้กันและกันในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่อง แม้ว่าทรัมป์จะผ่อนปรนมาตรการนี้ลงให้กับ 75 ประเทศคู่ค้าอื่นที่ไม่ตอบโต้สหรัฐด้วยการเรียกเก็บเพียง Baseline Tariffs 10% และชะลอ Reciprocal Tariffs ออกไป 90 วัน ก็ตาม
ระวังแรงขายทำกำไรจากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง รวมถึงอาจมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนตลาดหุ้นไทยปิดทำการช่วงเทศกาลสงกรานต์ (14-15 เม.ย.68) ท่ามกลางสภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนจากนโยบายการค้า
ขณะที่มาตรการรองรับความผันผวนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากนโยบายการค้าสหรัฐอย่างการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และห้ามขายชอร์ตชั่วคราว จะมีผลบังคับใช้สิ้นสุดในวันนี้
นอกจากนี้ ความคืบหน้าล่าสุดโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ได้มีการเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ โดยรัฐจะจ่ายให้ 50% เที่ยวได้ 10 วัน 10 คืน สำหรับการใช้สิทธิเที่ยวในวันธรรมดา โดยจะเน้นไปที่เมืองรอง 55 จังหวัด
ติดตามรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 บริษัทจดทะเบียนไทยที่จะเริ่มด้วยกลุ่มแบงก์สัปดาห์หน้า (TISCO 17 เม.ย.68) โดยคาดว่าธนาคารไทย 8 แห่งที่ทำการศึกษาจะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/68 อ่อนตัว เพราะอัตราการสำรองหนี้สูญสูงขึ้นเผื่อกรณีฉุกเฉินสำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว แม้ว่ามาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอาจส่งผลให้สินเชื่อเติบโตสูงขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลงในไตรมาส 2 ไปจนถึงไตรมาส 3/68
โดยทางฝ่ายวิจัยเลือกบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็นหุ้น Top pick เพราะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่น่าสนใจ แม้ว่ายอดสินเชื่อของอุตสาหกรรมโดยรวมจะเติบโตชะลอตัว ทั้งนี้ SCB และ KTB จะขึ้น XD วันที่ 16 เม.ย.68 ขณะที่ KBANK, KTC ขึ้น XD 17 เม.ย.68
สำหรับหุ้นแนะนำ มีดังนี้
(Take profit : 155.0 / Stop loss : 150.0)