
ส่อง 7 หุ้นน้ำมันปาล์มเด่น รับราคาขาขึ้น! ชู PCE เป้า 3.60 บาท
แนวโน้มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มปี 68 สดใสผลผลิตแตะ 19 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.3% หนุนราคาขายเฉลี่ยขยับขึ้น 6.6% มาอยู่ที่ 37.8 บาท/กิโลกรัม โบรกฯ มองบวก UVAN-CPI-VPO-LST-UPOIC ชู PCE-APO ได้อานิสงส์เด่นสุดในกลุ่ม
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง รับปัจจัยสนับสนุนจากผลผลิตและราคาน้ำมันปาล์มดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ความต้องการบริโภคจะลดลง
โดยฝ่ายนักวิจัยคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.3% จากปีก่อนหน้า เป็น 3.4 ล้านตัน จากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.0 ล้านตัน ตามเนื้อที่ให้ผลและผลผลิตต่อไร่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังการขยายพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณฝนที่เพียงพอ ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยโดยเฉลี่ยในปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 37.8 บาท/กิโลกรัม ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังคาดการณ์ปริมาณผลปาล์มน้ำมันของไทยในปีนี้ มีแนวโน้มอยู่ที่ 19 ล้านตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% จากปีก่อนหน้า ตามเนื้อที่ให้ผลที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกในปี 2565 ซึ่งจะเริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยโดยเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 37.8 บาท/กิโลกรัม ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ศูนย์วิจัยกรุงศรี ยังระบุเช่นเดียวกันว่าปี 2568-2570 คาดการณ์ว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มดิบของไทยจะขยายตัว 1.0-2.0% และ 2.5-3.5% ต่อปีตามลำดับ จากปัจจัยสนับสนุน 1.) ประเทศไทยมีแนวโน้มเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) สภาพอากาศเอื้ออำนวยและกระตุ้นผลผลิตต่อไร่, 2.) พื้นที่เพาะปลูก (Planted Area) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.5-2.5% ต่อปี เฉลี่ยปีละ 1-2 แสนไร่ และ 3.) ราคาโดยรวมที่ยังคงจูงใจให้เกษตรกรบำรุงรักษาและเก็บเกี่ยวผลผลิต
จากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัย SCB EIC และศูนย์วิจัยกรุงศรี พบว่า อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนของทั้งฝั่งผลผลิตและราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น โดยประเมินว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันจะเพิ่มขึ้นราว 2.3% แตะระดับ 19 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเป็น 3.4 ล้านตัน และราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้น 6.6% มาอยู่ที่ 37.8 บาท/กิโลกรัม ตามราคาตลาดโลก
สำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์จึงได้รวบรวมรายชื่อ 7 บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากภาพรวมอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งในปีนี้ ได้แก่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE, บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UVAN, บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ CPI, บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO, บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO, บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST และ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC
โดยในจำนวนนี้ บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำหลายแห่งได้ออกบทวิเคราะห์เชิงบวกต่อ PCE และ APO โดยมองว่าเป็น 2 หุ้นที่โดดเด่นที่สุดจากทั้งปัจจัยเชิงพื้นฐานและการเติบโตในอนาคต โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ดังต่อไปนี้
บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุถึง PCE คงแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 อยู่ที่ 3.50 บาท โดยคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในช่วงไตรมาส 4/2567 ต่อเนื่องถึงช่วง ไตรมาส1/2568 จะยังอยู่ในระดับสูงผลจากภาวะแล้งในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกมาน้อยกว่าปกติ
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง PCE ว่าเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 3.60 บาท จากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ ได้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันปาล์มในไตรมาส 4/2567 และยังมีแนวโน้มอยู่ระดับสูงต่อเนื่องช่วง 1 เดือนข้างหน้า ราคาปัจจุบันมี Dividend Yield ปี 2567-2568 ที่ 2.6-3.5%
ทั้งนี้ 2568 คาดแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หนุนจากอุปสงค์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น หลัง อินโดนีเซีย ปรับเพิ่มอัตราผสมไบโอดีเซลเป็น B40 ซึ่ง PCE มีความได้เปรียบในตลาดส่งออกเนื่องจากเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของประเทศ อีกทั้งยังรับรู้ปริมาณขายไบโอดีเซลภายใต้สัญญาขายกับลูกค้ารายใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่ RBDPKO ที่เริ่มจำหน่ายในปี 2567 เต็มปี
ขณะที่ นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APO เปิดแผนธุรกิจปี 68 สถานการณ์ทะลายปาล์มสดปีนี้คาดการณ์ว่าน้ำหนักของผลผลิตที่เก็บเกี่ยวจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์ม แต่ราคาทะลายปาล์มสดไตรมาส 1/2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) อยู่ในระดับราคาที่ยังสูง พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ทะยานสู่ระดับ 2,000 ล้านบาท เติบโต 12%