
เคลียร์ชัด! เพื่อไทยไร้แผนปรับ “ครม.” ย้ำสัมพันธ์พรรคร่วมราบรื่น
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เคลียร์ชัดพรรคเพื่อไทยไม่มีแผนกดดันปรับ ครม. ชุดใหม่ ชี้อำนาจปรับเป็นของนายกรัฐมนตรี ยันภายในพรรคร่วมยังไร้ความขัดแย้ง
วันนี้ (20 เม.ย. 2568) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจนิด้าโพล ที่ระบุว่าประชาชนต้องการให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเชื่อว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลพร้อมรับฟังเสียงของประชาชน
อย่างไรก็ตาม นายอนุสรณ์ ระบุว่า อำนาจในการปรับ ครม. เป็นของนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการปรับ ครม. ในช่วงเดือนสิงหาคม หลังจากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เป็นเพียงข่าวจากคนนอกพรรค ซึ่งขณะนี้ ภายในพรรคเพื่อไทยยังไม่มีสัญญาณหรือบรรยากาศของความขัดแย้งหรือความวุ่นวายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ที่พรรคไม่ได้พูดคุยกันว่าใครจะเข้าหรือใครจะออกแค่อย่างใด และตัวของนายกรัฐมนตรีเองส่งสัญญาณตลอดว่าอำนาจการปรับครม.นั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ครม.ชุดนี้ก็ยังสามารถทำงานได้
สำหรับกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการค้าการขาย พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยึดหลักประชาธิปไตย สมาชิกพรรคไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือ ส.ส. ต่างสามารถแสดงความคิดเห็นและสะท้อนการทำงานซึ่งกันและกันได้
ทั้งนี้ ข้อเสนอหรือคำแนะนำที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติของการทำงานร่วมกันในพรรค ไม่ใช่การกดดันหรือขับไล่รัฐมนตรีจากตำแหน่งแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า ส.ส.ของพรรคทุกคนยังคงเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐมนตรีทุกคน
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการขอคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวมาจากแหล่งนอกพรรค เพราะภายในพรรคยังไม่เคยมีการพูดคุยกันในประเด็นนี้
นายอนุสรณ์ระบุเพิ่มเติม การแลกเปลี่ยนหรือขอคืนกระทรวงมหาดไทย ไม่น่าจะเป็นไปเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้ง เพราะกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้งโดยตรง เนื่องจากหน้าที่ดังกล่าวเป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
อย่างไรก็ตาม นายอนุสรณ์ยอมรับว่า มีเสียงสะท้อนจากบางพื้นที่ว่า หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนหรือเอนเอียงไปฝักใฝ่ฝ่ายใดมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นธรรม และประชาชนในพื้นที่อาจไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ติดใจกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดหลายคนสามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลได้อย่างราบรื่น เพื่อขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาล
พร้อมย้ำแม้จะไม่มีการสลับกระทรวง พรรคเพื่อไทยก็ยังสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากมีการสลับตำแหน่งแล้วทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีปัญหา และพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนั้น