
“กรมธนารักษ์” เปิดเกมรุก 5 เสาหลัก “VALUE” พลิกโฉมทรัพย์สินแผ่นดิน เพิ่มรายได้รัฐ
กรมธนารักษ์ เปิดกลยุทธ์ “VALUE” พลิกทรัพย์สินแผ่นดินสร้างมูลค่า เพิ่มรายได้รัฐ ดัน ROA โต 20%
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ จัดแถลงข่าวกลยุทธ์เพิ่มมูลค่า “VALUE” ทรัพย์สินแผ่นดินและเปิดตัวทีมโฆษกกรมธนารักษ์ทีมใหม่ นำโดย นายบุญชอบ วิเศษปรีชา รองอธิบดีกรมธนารักษ์ในฐานะโฆษกกรมธนารักษ์ สำหรับกลยุทธ์ “VALUE” ประกอบด้วย 5 เสาหลัก ดังนี้
เสาที่ 1 Value จะเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในที่ราชพัสดุผ่านการจัดทำ Master Plan ซึ่งจะทดลอง Sandbox ที่จังหวัดนครนายก และตนเองจะเข้าหารือกับผู้บริหารของหน่วยงานที่ครอบครองที่ เพื่อขอคืนพื้นที่ดังกล่าวไปทำประโยชน์อื่น เช่น ในต่างจังหวัดขาดแคลนโรงพยาบาลและหอพักพยาบาลจำนวนมาก
หากได้ที่ราชพัสดุกลับมาก็พร้อมให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้เช่าเพื่อขยายโรงพยาบาล ทำห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยที่เข้าสู่วัยสังคมผู้สูงอายุ โดยกรมธนารักษ์พร้อมตั้งเป้าเพิ่มรายได้การจัดเก็บและอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset: ROA) ที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ทั่วประเทศให้สูงขึ้น 20% ภายในปี 2569 จากปัจจุบันมีการขยายตัวของค่าเช่าโตเพียง 3% ต่อปี
ล่าสุดมีการขยับขึ้นค่าเช่าเชิงพาณิชย์กับผู้เช่ารายใหญ่แล้ว ตามสัญญาใหม่ที่ อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ก็จะดูที่รายได้ของ AOT ที่เพิ่มขึ้นตาม Revenue sharing หากมีฐานรายได้เพิ่ม ก็จะเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาปี 2568 มีเป้าจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท แต่ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.2567-ก.พ.2568) จัดเก็บรายได้สูงกว่าปีก่อน 13% และสูงกว่าเป้ากระทรวงการคลัง 9.2%
รายได้ค่าเช่าเชิงพาณิชย์จะให้โต 20% ในปี 2569 แต่ ROA จะวัดในที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์อย่างเดียว จะไม่ได้วัดในที่ราชพัสดุเชิงสังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ยังมีที่ราชพัสดุว่างเปล่าอีกเยอะ จะนำมาทำ Revenue sharing เป็นการเพิ่มมูลค่าพื้นที่ โดยที่ราชพัสดุว่างเปล่ามีถึง 1 ล้านไร่อยู่ในครอบครองของส่วนราชการ ซึ่งต้องดูศักยภาพการใช้ประโยชน์ จากที่ดินที่ราชพัสดุทั้งหมด 12.6 ล้านไร่
ส่วนกรณี บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ยังส่งมอบพื้นที่โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ ในพื้นที่ทับซ้อนสถานีสูบน้ำที่ 1 พื้นที่ 4 ไร่ 3 งาน 21 ตารางวานั้น ต้องรอผลการตัดสินคดีของศาลแพ่งต่อไป ทำให้ยังกำหนดระยะเวลาการสิ้นสุดคดียังไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้รับค่าเช่ารายปีทุกปีและค่าแรกเข้าทำสัญญาส่วนที่ 1 ครบถ้วน (จะมีค่าแรกเข้าทำสัญญาในก้อนที่ 2 ซึ่งธนารักษ์ยังไม่ได้รับเงินเนื่องจากยังส่งมอบไม่ได้) ซึ่งผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร คู่สัญญาก็จะต้องจ่ายก้อนที่ 2 อยู่ดี แต่ยังต้องรอผลพิจารณาของศาลแพ่ง
เสาที่ 2 Appraise เพิ่มความแม่นยำในการประเมินราคาที่ดินด้วยการพัฒนาฐานข้อมูลการประเมินราคาให้สอดคล้องกับราคาตลาด โดยใช้เทคโนโลยีมาใช้ประเมินโดยตั้งเป้าลดความต่างระหว่างราคาประเมินและราคาตลาดให้เหลือไม่เกิน 15% ภายในปี 2569 และพัฒนาระบบสืบค้นราคาประเมินที่ดินออนไลน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลราคาประเมินได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว
ปัจจุบันประเมินราคาเป็นรายแปลงทั้งหมด 100% แล้ว แต่ที่ผ่านมาช่องว่างระหว่างราคาประเมินและราคาตลาดห่างกันถึง 30-40% ทั้งที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ว่า ช่องว่างระหว่างราคาไม่ควรห่างเกิน 15% จึงเป็นที่มาในการตั้งเป้าราคาประเมินที่ดินต้องไม่ห่างจากราคาตลาด 15%
เสาที่ 3 Legacy กลยุทธ์เพิ่มคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้เหรียญกษาปณ์และพิพิธภัณฑ์ของกรมธนารักษ์ โดยจะยกระดับการผลิตและจำหน่าย รวมทั้งพัฒนาตลาดรองเพื่อเพิ่มมูลค่าเหรียณกษาปณ์ให้ตรงตามความต้องการของนักสะสมเหรียญ
เสาที่ 4 Unity จะจัดตั้งโรงเรียนธนารักษ์ออนไลน์ ส่งเสริมบุคลากรผ่านการนำองค์กรคุณธรรมมาใช้
เสาที่ 5 Efficiency นำเทคโนโลยีดิจิทัลและเอไอ “น้องรักษ์”ยกระดับการให้บริการมาใช้งาน รวมทั้งจะดำเนินการฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในที่ราชพัสดุ