WSOL เปิดเกมฟ้อง “TSR” 900 ลบ. รับกู้ไอแบงก์จริง! วางเป้ารายได้ปีนี้ แตะ 3.5 พันล้าน

WSOL เดินเกมฟ้อง TSR บริษัทลูก 900 ล้านบาท พบธุรกรรมผิดปกติ พร้อมยอมรับกู้เงินไอแบงก์จริง เล็งเจรจาลดดอกมั่นใจ 10 ปี ใช้หนี้หมด กางแผนธุรกิจปีนี้ภายใต้ธีม Mission Possible หวังดันเป้ารายได้โต 20% แตะ 3,584 ล้านบาท


นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) หรือ WSOL เดิมคือ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2568 ภายใต้ธีม Mission Possible โดยบริษัทวางเป้าหมายยกระดับการดำเนินงานสู่การเป็นองค์กรที่มีศักยภาพทางธุรกิจ และมีผลประกอบการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการบริหารงานภายใต้ความมีธรรมาภิบาล โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน เพื่อสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับกิจการ และรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูฐานะทางการเงินให้กลับมาแข็งแกร่ง มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ โดยจะทำการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบัน เพื่อลดต้นทุนทางการเงินลง 50% ขณะเดียวกันจะเร่งสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจหลักให้สามารถสร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง

โดย WSOL ตั้งเป้าหมายรายได้รวมจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลักไว้ที่ 3,584 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1.) Financial & Payment Solutions คาดว่าจะเติบโตขึ้นราว 30% จากปีก่อน มีรายได้รวมประมาณ 1,251 ล้านบาท ประกอบด้วย Love Prompt ธุรกิจให้เช่าเครื่องใช้ไฟฟ้า และพร้อมเติม ธุรกิจตู้เติมเงิน-จ่ายบิล พร้อมขยายบริการใหม่บนโครงสร้างตู้เดิม

2.) B2C Solutions คาดว่าจะเติบโตขึ้นราว 10% จากปีก่อน มีรายได้รวมประมาณ 1,701 ล้านบาท จากพร้อมสปีด เตรียมขยายจุดรับ-ส่งพัสดุ 2,000 จุดทั่วประเทศ และ พร้อมเวนดิ้ง ที่กลับเข้าสู่ตลาดด้วยตู้ขายอัตโนมัติ 10,000 เครื่อง ภายในสิ้นปี พร้อมแผนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอนาคต

3.) B2B Solutions คาดว่าจะเติบโตขึ้นราว 34% จากปีก่อน มีรายได้รวมประมาณ 636 ล้านบาท จากธุรกิจบัตรของ PTECH ที่เตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐ และ WSOL Solution เตรียมรุกตลาดระบบ POS เต็มรูปแบบ เจาะกลุ่มงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต สวนน้ำ และเทศกาลต่างๆ

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนรีแบรนด์องค์กรสู่ WSOL อย่างเต็มรูปแบบ และร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ พัฒนาบริการ ตลอดจนเปิดตัวโครงการและผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อยกระดับศักยภาพของธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด WSOL ได้ทำการพัฒนา WeiD เป็น Super App ที่เชื่อมต่อทุกบริการของ WSOL สู่ผู้ใช้ปลายทาง โดยใช้ระบบ AI-Powered CRM และฐานข้อมูลลูกค้าเชิงลึก เพื่อยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติ

ทั้งนี้เป็นบริการของแอปพลิเคชันดังกล่าว ประกอบด้วย WeXpress ให้บริการ อาทิ เปรียบเทียบค่าขนส่งราคาประหยัด นำพัสดุไปฝากส่งเองที่จุดรับ และติดตามสถานการณ์จัดส่งพัสดุ WePay ให้บริการ อาทิ วอลเล็ทเติมเงินมือถือ และการชำระบริการรายเดือน WeMarket ให้บริการ อาทิ ตู้ขายของอัจฉริยะ การยืนยันตัวตนในรูปแบบต่างๆ และยังมีบริการอื่นๆ ภายในแอปพลิเคชัน อาทิ การชำระเงิน บริการผ่อนชำระ ฯลฯ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

 “WSOL กลับมายืนได้ด้วยทีมใหม่ ระบบภายในที่แข็งแกร่ง และโอกาสจากผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย จากเป้าหมายของปีที่แล้ว คือ 1.ดัน EBITDA ของกลุ่มให้กลับมาเป็นบวก 2.ฟื้นความเชื่อมั่นและสร้างความโปร่งใส และ3.ปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสม ซึ่งเราได้ทำสำเร็จลุล่วงไปแล้วในระยะเวลา 3 เดือน แต่เราจะยังคงมุ่งเดินหน้าเพื่อทำให้ทุกความเชื่อมั่นของทุกคนกลายเป็นผลกำไรที่จับต้องได้ และเรายินดีเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่อยากร่วมสร้างอนาคตกับเรานายอิทธิชัย กล่าว

จากการปรับโครงสร้างองค์กรที่ผ่านมา คาดหวังว่าบริษัทจะสามารถกลับมาดำเนินงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้งภายในครึ่งปีแรกของปี 2569 ผ่านเป้าหมายการดำเนินงานใหม่ คือ 1.พา WSOL กลับมากำไรสุทธิภายในปีหน้า 2.สร้างทีมที่แข็งแรง ยืดหยุ่น พร้อมรับทุกสถานการณ์ และ 3.ปั้นธุรกิจใหม่ที่เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

นายอิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABUY กล่าวต่อว่า กรณีการเปลี่ยนแปลงชื่อหลักทรัพย์ของบริษัทนั้น ณ ขณะนี้ ได้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทฯ ไปแล้ว ทำให้สัปดาห์หน้าหุ้น SABUY จะเปลี่ยนชื่อเป็น WSOL อย่างเป็นทางการ วันที่ 28 เม.ย.นี้

ส่วนกรณีกรณีพิพาทจะมีการฟ้องร้อง เฟส 1 รวมประมาณ 2,600 ล้านบาท ยอมรับว่าคุยกับ บริษัท สบายคอนเน็ต หรือ TSR ไม่รู้เรื่อง แม้จะคุยเรื่องแปลงหนี้เป็นทุนหรืออื่นๆ ก็ตาม ทำให้ต้องฟ้องร้อง เนื่องจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้สอบถามว่าความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท SABUY และ TSR เป็นอย่างไร

สำหรับมูลหนี้แบ่งเป็นการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องให้ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาจากลูกหนี้ ซึ่งเป็นการให้เงินกู้แก่ลูกหนี้ (เม.ย.-พ.ย.2566) จำนวน 900 ล้านบาท และฟ้องคดีเพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายจากอดีตผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นที่บริษัทฯ เห็นว่าอาจมีการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเพิกเฉยไม่ระมัดระวังในการรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สินให้บริษัท ทำให้บริษัทเสียหาย รวมฟ้อง 1,700 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ ในยอดหนี้ 1,700 ล้านบาท มีการเจรจาหลายรอบ พยายามแปลงหนี้เป็นทุน แต่ไม่สำเร็จ จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทต้องดำเนินการพูดคุยในศาล แบ่งเป็น 55 ล้านบาท ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินไม่เป็นไปตามอำนาจอนุมัติ ตรวจสอบงบการเงิน ณ สิ้นปี 2567 สินค้าคงเหลือเมื่อเทียบกับรายงานงบการเงินไม่ตรงกัน และจำนวน 745 ล้านบาท ขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ขาดทุน โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน มีทั้งซื้อและขาย มีการใช้เงิน และอีก 970 ล้านบาท อนุมัติปล่อยสินเชื่อโดยปราศจากความระมัดระวัง เป็นการปล่อยกู้ในบริษัทลูก ก็ต้องมาดูว่าสถานะการคืนหนี้กับธนาคารได้หรือไม่

สำหรับกรณีการกู้เงิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) จำนวน 900 ล้านบาท ช่วงปี 2566 นายอิทธิชัย กล่าวว่า ยอมรับมีการกู้จริง แบ่งการกู้เป็น 2 ส่วน แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าขณะที่ยื่นกู้มีการใช้หลักประกันอะไรไปค้ำ ซึ่งมีการปรับเงื่อนไขการชำระทำให้ยืดเวลาออกไปอีก 10 ปี

ขณะนี้อยู่ในช่วงของการพักต้นอยู่ แต่จะยังมีการเจรจากับไอแบงก์ เพื่อขอลดดอกเบี้ย และปรับแนวทางการชำระหนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของบริษัท

จากกรณีนี้ ผมได้ส่งเรื่องให้สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว และได้มีการพูดคุยกับทาง ก.ล.ต. ไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้ผมได้ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการประสานงานไปแล้ว ส่วนการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกรณีที่ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีการตรวจสอบหรือไม่ว่าผู้บริหารเก่าของ SABUY อยู่ที่ใดในขณะนี้ และได้มีการติดตามตัวหรือไม่ ขอชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของผม และผมไม่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าตัวโดยตรงว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ เขาจะอยู่ที่ประเทศไทย อิตาลี หรืออินโดนีเซีย ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นความจริงหรือไม่ที่เจ้าตัวอยู่ที่ประเทศอิตาลี ผมขอไม่ตอบในประเด็นนี้ เนื่องจากไม่มีข้อมูลยืนยัน และหากต้องติดตามในระดับนั้นจริง ๆ ผมก็คงไม่มีเวลาทำหน้าที่อื่นแล้ว”

การกระโดดเข้ามาลงทุนในบริษัทนี้ มองว่าบริษัทไม่ได้ปลอมไปทั้งหมด หรือไม่มีเงินสดเลย ผมก็คงไม่เข้ามาทำ มันก็เป็นโอกาสที่ท้าทาย แต่พอเข้ามาก็ต้องร้องว่าโอ๊ยมันท้าทายกว่าที่คิดไว้เยอะมาก แต่ด้วยนิสัยผม ผมจะไม่ใช่คนที่คิดไปก่อนแล้วว่าทำไม่ได้ ผมสอนลูกน้องตลอดว่า เจอกำแพงต้องกระโดดข้ามกำแพงให้ได้ อายุผมยัง 30 ปีอยู่ ก็พอจะจัดการปัญหาองค์กรได้ แต่ผมไม่ได้ฟ้องผู้บริหารเก่าของบริษัท SABUY นะ คนที่ฟ้องผู้บริหารเก่าคือ ทีมของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล”  นายอิทธิชัย กล่าว

นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล กรรมการบริษัท  WSOL กล่าวว่า ตนเองและทีมงานในเครือณวัฒน์ จะฟ้องร้องตามกฎหมายกับผู้บริหารเก่าบริษัท SABUY แต่ตนเองจะยังคงยืนหยัดในการถือหุ้นโดยไม่ขยับหนีไปไหน เพราะต้องการเอาชนะความถูกต้อง

ผมและคุณวิน ยืนหยัดในการต่อสู้ เราไม่ได้บาดเจ็บจนแผลรักษาไม่ไหว ต้องให้เชื่อพลังของคนรุ่นใหม่ ผมไม่ถอนหุ้น ไม่ซ้ำเติม และเปิดโอกาส ซึ่งต่อไปจะมีอีเวนต์อยู่ตลอดทำให้มีการติดตั้งตู้จำหน่ายสินค้าประมาณ 10 ตู้ในส่วนงานของผม และเฟสต่อไป แฟรนไซส์มิสยูนิเวอร์ต แฟรนไซส์มิสไทยแลนด์ จะไปเอาตู้จำหน่ายสินค้าไปลงแล้วเก็บค่าเช่า เพื่อลดจำนวนหนี้และลดภาระ ผมเชื่อมั่นว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม อย่างน้อย เพื่อให้สภาพหนี้ไม่เกิดปัญหา ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ด้วยความบังเอิญ ผมก็ถอยไม่ได้เหมือนกัน หนีได้ไหม ผมหนีได้ เงินร้อยล้านบาท แต่ผมมองว่าควรจัดการกับผู้บริหารที่ไม่มีธรรมภิบาลตลาดทุน กรณีนี้บริษัทเอาตัวรอด แต่ผู้บริหารเก่าน่าจะเอาตัวไม่รอด

Back to top button