
พาราสาวะถี
ท่ามกลางกระแสข่าวปรับ ครม.โดยพุ่งเป้าไปที่การเขี่ยภูมิใจไทยพ้นความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตัดภาพมาที่การเกี่ยวก้อยควงแขนหวานแหววของ ภูมิธรรม เวชยชัย กับ อนุทิน ชาญวีรกูล
ท่ามกลางกระแสข่าวปรับ ครม.โดยพุ่งเป้าไปที่การเขี่ยภูมิใจไทยพ้นความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตัดภาพมาที่การเกี่ยวก้อยควงแขนหวานแหววของ ภูมิธรรม เวชยชัย กับ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลและหัวหน้าพรรคอันดับสองของรัฐนาวา มันคือการตอกย้ำความสัมพันธ์ของรัฐบาลพลิกขั้ว ที่ไม่ใช่แค่ภาวะจำใจ หรือมีดีลแลกผลประโยชน์ที่ลงตัวจึงตั้งรัฐบาลผสมร่วมกันได้เท่านั้น หากแต่เป็นการขยายภาพไปถึงความเป็นพวกเดียวกัน ก่อนที่จะถูกขบวนการรัฐประหารใช้สารพัดวิธีทำการย่อยสลาย
แน่นอนว่า อาจมองภาพพรรคการเมืองหนึ่งสมยอม และสมประโยชน์ที่ไปสวามิภักดิ์ต่ออำนาจเผด็จการ ตั้งแต่คราวตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร นั่นก็เป็นอีกหน้าฉากหนึ่งทางการเมืองที่ถูกทำให้คิดและเชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยที่เสี่ยหนูรับหน้าที่กุมบังเหียนต่อจากบิดา ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ภายใต้การกำกับของ เนวิน ชิดชอบ เป็นศัตรูตัวฉกาจ หอกข้างแคร่ของเพื่อไทย แต่เบื้องหลังมีการบินไปดูไบเคลียร์ใจกันหมดแล้ว แม้จะมีบางเรื่องที่ยังมีปมค้างคาใจกันอยู่ระหว่าง นายใหญ่กับอาจารย์ใหญ่พรรคสีน้ำเงิน ก็ตาม
เป็นหน้าที่ของเสี่ยหนูที่ต้องคอยเจรจากับผู้มีบารมีของพรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน โดยมีสายสัมพันธ์กับผู้ที่ทั้งสองคนให้ความเคารพเป็นตัวเชื่อม นั่นจึงทำให้ แพทองธาร ชินวัตร ถูกถามทุกครั้งเกี่ยวกับความสนิทชิดเชื้อในลักษณะอาหลานกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น การเมืองที่ว่าด้วยเรื่องข้อเรียกร้องของคนในพรรคที่ทั้งคู่เป็นผู้นำ ต้องไปบริหารจัดการ ทำความเข้าใจของแต่ละฝ่ายกันเอง ภาพใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องมองภาพรวมทั้งเป้าหมายความสำเร็จในฐานะฝ่ายบริหารประเทศ และการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งครั้งต่อไป
จริงอยู่สูตรคณิตศาสตร์การเมืองเขี่ยภูมิใจไทย ดึงพลังประชารัฐมาเสียบ ไม่ทำให้เสียงของรัฐบาลมีปัญหา แต่แรงกระเพื่อม หรือเสถียรภาพจะมั่นคงหรือไม่ ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม มากไปกว่านั้น การที่เสียงปริ่มน้ำ จากที่มองว่ามีพรรคสีน้ำเงินอยู่ด้วยแล้วถูกกดดัน ต่อรองมาก สถานการณ์หากใช้พรรคสืบทอดอำนาจมาเสียบแทน จะถูกกดดันหนักมากกว่า หลังประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแล้ว การยืนยันของแพทองธารว่าไม่ปรับ เพราะยังทำงานร่วมกันได้ดีจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่หยุดการปั่นกระแสเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการปรับในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นนั่นก็อีกเรื่อง เช่นเดียวกันกับการจะเขย่ากันภายในของพรรคแกนนำ เพราะมีเสียงเรียกร้องมาจาก สส.เพื่อไทยอยากให้มีการเปลี่ยนตัว พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้วยข้อกล่าวหาไม่สามารถทำให้ราคาสินค้าเกษตรแพงขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรที่เป็นฐานเสียงหลักของพรรคเดือดร้อน แต่พิจารณาจากคำตอบของหัวหน้าพรรคในบริบทผู้นำประเทศแล้ว คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในช่วงนี้
หากติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลผสม ไม่ใช่แค่ยุคของรัฐบาลพลิกขั้ว แต่เป็นมาตั้งแต่สมัยของรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ จะเห็นได้ว่า ข่าวคราวการปรับ ครม.จะมาควบคู่กับช่วงเวลาที่จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พอปล่อยข่าวเปลี่ยนตัวบุคคลหรือพรรคเป้าหมายไม่ได้ จะตามมาด้วยข่าวเตรียมโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เหมือนเป็นข่าวตามฤดูกาล เป็นเครื่องมือทำมาหากินของพวกที่ไม่ได้กล่อง จึงขอเป็นผลประโยชน์อื่นแทน
ความจริงก็รู้กันอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลเลยที่ไม่กล้าจะคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ ฝ่ายค้านเองก็อาศัยช่วงจังหวะนี้เพื่อที่จะต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว เป็นเช่นนี้มาทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น ประเด็นที่บอกว่าจะมีการโหวตล้มร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จึงเป็นเพียงการตีหน้ายักษ์ กระทืบเท้าขู่ สุดท้ายหนีไม่พ้นเป็นการเคาะกะลา ฟันธงไว้ล่วงหน้าได้เลย กระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 จะมีเพียงแค่การดักคอ จองกฐิน พร้อมตั้งข้อกังขางบประมาณของกระทรวงสำคัญโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม
พอเข้าสู่โหมดลงมติทุกอย่างก็จะเรียบร้อย เข้าสู่โหมดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณา ก็จะเป็นภาวะการวิ่งเต้น ต่อรองกันเต็มรูปแบบเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ส่วนจะมีการปรับ ครม.หลังกฎหมายงบประมาณผ่านสภาไปแล้วหรือไม่นั่นเป็นสิ่งที่จะต้องติดตาม เพราะแพทองธารเองก็พูดเป็นนัยแล้วว่า อย่ายึดติดกับตำแหน่ง ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง จังหวะนั้นอาจถึงเวลาที่มีการประเมินแล้วว่า กระทรวงไหนผลงานเข้าตา กระทรวงไหนสอบไม่ผ่านต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเตรียมรับมือเลือกตั้งครั้งหน้า
การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องมองกันแบบช็อตต่อช็อต ไม่ใช่แค่พรรคร่วมที่จะต้องประสาน แลกเปลี่ยน ทำความเข้าใจกันให้ดีในระดับแกนนำพรรคกับผู้มีบารมีของพรรคแกนนำ ภายในพรรคเพื่อไทยเองไม่ใช่แค่การเกาะกลุ่ม หรือตรวจสอบกันเองเท่านั้น นายใหญ่ยังใช้มือทำงานคนสำคัญที่ไปบัญชาการอยู่อีกพรรคการเมือง คอยสอดส่อง ตรวจตราการบริหารของเสนาบดีในสังกัดพรรคแกนนำเอง รวมไปถึงการเจาะข้อมูล ล้วงความลับ สร้างความระส่ำระสายให้กับพรรคการเมืองอื่นด้วย
จากผลงานแจกกล้วยอันลือลั่นยุคขบวนการอยู่ยาว หลังเข้าสู่สมัยรัฐบาลพลิกขั้ว มือทำงานที่นายใหญ่ไว้วางใจรายนี้ ก็สร้างผลงานต่อเนื่อง กระทั่งเกิดการร่วมรัฐบาลแบบครึ่งบกครึ่งน้ำของพรรคสืบทอดอำนาจ จนสุดท้ายบรรดาลิ่วล้อก็ได้รับอิสระจากการถูกขับพ้นพรรคเก่าให้มาร่วมหัวจมท้ายกันที่พรรคใหม่ ล่าสุด กับการเขย่าเก้าอี้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ของ กีรติ กิจมานะวัฒน์ ก็มาจากการขับเคลื่อนของคนที่ผู้มีบารมีในรัฐบาลไว้วางใจรายนี้นั่นเอง
นั่นทำให้เห็นว่า การให้ลูกสาวไปทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ไม่ได้มีแค่หลังบ้านที่จะต้องจัดการเคลียร์ทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการสะดุด หรือเป็นชินวัตรคนสุดท้ายที่จะถูกกำจัดให้พ้นไปจากเส้นทางการเมือง นายใหญ่ยังเลือกที่จะใช้การทำงานการเมืองที่ต้องมีมือทำงานอยู่ภายนอกพรรค ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจคนกันเอง แต่บางเรื่องต้องอาศัยประเภทกล้าท้าชน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม หากเกิดอะไรขึ้นจะบอกได้ว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคของตัวเอง ที่สำคัญคนประเภทนี้ยังใจถึงที่จะทุ่มใช้ “สื่อแมวเทา” บางรายมาเป็นเครื่องมือในการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลจัดการบางคนบางพวกที่กล้ามางัดข้อกับนายตัวเองด้วย
อรชุน