“ดาวโจนส์” ปิดบวก 419 จุด ขานรับท่าที “ทรัมป์” ผ่อนคลายภาษีจีน-งบการเงิน Q1 ดี

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกแรง รับสัญญาณบวกจาก “ทรัมป์” ต่อ Fed และภาษีจีน ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ของหลายบริษัทออกมาดีเกินคาด


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกแข็งแกร่ง ในวันพุธ (23 เม.ย.68) โดยได้แรงหนุนจากท่าทีเชิงบวกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมือง

  • ดัชนีดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 39,606.57 จุด เพิ่มขึ้น 419.59 จุด หรือ +1.07%
  • ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,375.86 จุด เพิ่มขึ้น 88.10 จุด หรือ +1.67%
  • ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 18,693.26 จุด เพิ่มขึ้น 416.85 จุด หรือ +2.28%

แรงซื้อกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นใน 9 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้น 2.92% ตามด้วยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่เพิ่มขึ้น 2.76% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงานอ่อนตัวลงเล็กน้อย

ปัจจัยบวกสำคัญมาจากคำแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ซึ่งระบุว่า ไม่มีแผนปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธาน Fed ซึ่งช่วยตอกย้ำความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ พร้อมส่งสัญญาณผ่อนคลายท่าทีต่อสงครามการค้ากับจีน โดยระบุว่า ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในระดับสูง “อาจมีการปรับลดลงได้ในที่สุด”

หุ้นรายตัวเคลื่อนไหวคึกคัก นำโดย Boeing (BA) พุ่งขึ้น 6.1% หลังรายงานผลขาดทุนต่อหุ้นไตรมาส 1/68 ที่ 49 เซนต์ ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.29 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้แตะระดับ 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ หุ้นTesla (TSLA) บวก 5.3% หลัง “อีลอน มัสก์” ซีอีโอ ออกมาเปิดเผยว่าจะลดบทบาททางการเมืองของตัวเองลง เพื่อโฟกัสกับการบริหารธุรกิจมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า มีบริษัทในดัชนี S&P 500 แล้วกว่า 110 แห่งที่รายงานผลประกอบการ โดยกว่า 75% ของบริษัทเหล่านั้นมีกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสะท้อนสัญญาณชะลอตัวในบางภาคส่วน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการรวมเบื้องต้นเดือนเมษายน จาก S&P Global ลดลงสู่ระดับ 51.2 จาก 53.5 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัว แม้ในอัตราที่ชะลอลง

Back to top button