ส่งออกไทยมี.ค. พุ่ง 17.8% มูลค่าทะลุ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ทุบสถิติออลไทม์ไฮ

ส่งออกไทยเดือนมีนาคม 2568 เติบโต 17.8% มูลค่ารวมทะลุ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทุบสถิติออลไทม์ไฮขณะที่ รมว.พาณิชย์ “พิชัย” คาดไตรมาส 2 จะได้รับผลกระทบจาก “ภาษีทรัมป์” แต่ยังไม่ถึงขั้นติดลบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 เม.ย.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงข่าว “ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม และ 3 เดือนแรกของปี 2568” โดยเปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนมีนาคม 2568 ขยายตัวได้อย่างโดดเด่นถึง 17.8% โดยมียอดการส่งออกรวม 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 988,362 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่ที่มูลค่าการส่งออกของไทยทะลุ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และยังคงมีดุลการค้าเกินดุล 973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) การส่งออกมีอัตราการขยายตัวที่ 15.2% มียอดการส่งออกรวม 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,757,249 ล้านบาท และมีดุลการค้าในช่วงดังกล่าวเกินดุล 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อพิจารณาผลการส่งออกในช่วง 6 เดือน (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) พบว่า การส่งออกขยายตัว 12.9% ซึ่งถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนภายหลังการบริหารของรัฐบาลในปัจจุบัน

นายพิชัย มั่นใจว่า การส่งออกไทยในเดือนเมษายน 2568 จะยังคงขยายตัวได้แต่อัตราการเติบโต แต่อาจจะลดลงจากเดือนมีนาคมและไม่ถึงกับติดลบ จากผลกระทบนโยบายภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ (Tariffs)

สำหรับเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 2568 ที่คาดว่าขยายตัว 1.2% นั้น รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากตัวเลขที่ขยายตัว 15.2% ในช่วง 3 เดือนแรก เชื่อว่าอัตราการเติบโตที่ 2-3% จะไม่เกินความสามารถ และคาดหวังว่าจะได้ผลดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้ หากการเจรจากับสหรัฐฯ ประสบผลสำเร็จ การส่งออกของไทยก็จะขยายตัวได้ดีขึ้น

นายพิชัย กล่าวอีกว่า การขยายตัวของการส่งออกในช่วงต้นปีจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ GDP ในไตรมาสแรกได้ตามที่คาดการณ์ไว้ที่เกิน 3% โดยต้องรอการแถลงจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อยืนยันตัวเลขที่แน่นอน

ส่วนความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ นายพิชัย ยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงติดต่อประสานงานกับสำนักงานการค้าสหรัฐฯ (USTR) อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ โดยเจรจาทางการจะเกิดขึ้นทันที เมื่อรายละเอียดต่าง ๆ พร้อม

ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.68) กระทรวงพาณิชย์ จะเชิญตัวแทนจากสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม มาประเมินผลกระทบจากภาษีดังกล่าว โดยเฉพาะในสินค้าที่ไทยอาจได้รับประโยชน์ เช่น ถุงมือยาง ซึ่งไทยมีส่วนแบ่งตลาดใกล้เคียงกับจีน รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ ที่ไทยอาจสามารถส่งออกแทนสินค้าจากจีนในบางตลาด

 

Back to top button