
“เจพีมอร์แกน” ชู PTT–IVL–PTTGC แกร่ง! รับมือแรงกดดันตลาดพลังงาน Q1 อย่างมั่นคง
เจพีมอร์แกนชี้ 3 หุ้นพลังงาน PTT–IVL–PTTGC รับแรงกดดันจากตลาดได้ดี คาดได้อานิสงส์ต้นทุนลด–แผนปรับโครงสร้าง ช่วยเสริมความแข็งแกร่งไตรมาส 1/68
เจพีมอร์แกน ประเมินว่าภาคพลังงานในภูมิภาคอาเซียนจะเผชิญกับความท้าทายในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยคาดว่าการเติบโตจะต่ำกว่าดัชนี MSCI ASEAN ราว 15%
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา กลุ่มพลังงานมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่ากลุ่มสาธารณูปโภคในประเทศ รวมถึงกลุ่มสาธารณูปโภคที่จัดเป็น Defensive Stocks ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป โดยได้รับผลกระทบจากการเติบโตของกำไรที่ต่ำกว่าคาดการณ์ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดคำแนะนำเพิ่มเติม ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตั้งราคาและอัตรากำไร
อย่างไรก็ตาม เจพีมอร์แกนชี้ให้เห็นว่า รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 อาจมีผลต่อราคาหุ้นน้อยลง โดยนักลงทุนอาจให้ความสนใจกับข้อมูลอัปเดตเชิงยุทธศาสตร์จากฝ่ายบริหารภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนนี้ รวมถึงการริเริ่มด้านการบริหารจัดการทุน
โดยภายในกลุ่มพลังงาน เจพีมอร์แกนยังคงจัดให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เป็นหุ้นเด่น (Top Pick) และคงคำแนะนำ “Overweight” โดยมองว่าบริษัทมีความสามารถในการต้านทานแรงกดดันจากภาวะตลาดได้ดี ซึ่งเกิดจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง และโปรแกรมการซื้อหุ้นคืนที่ยังคงดำเนินการอยู่
ในทางกลับกัน เจพีมอร์แกนปรับลดคำแนะนำหุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จาก “Overweight” ลงเป็น “Underweight” โดยอ้างอิงจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ลดลง กำไรที่คาดว่าจะหดตัว และข้อจำกัดด้านการเงินซึ่งส่งผลต่อศักยภาพในการซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมหรือจ่ายเงินปันผลที่ดีขึ้น เนื่องจากกระแสเงินสดอิสระที่ยังเป็นลบ
สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานในส่วนปลายน้ำ เจพีมอร์แกนประเมินว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยมีการซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 0.25–0.7 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Value)
โดยในหมวดนี้ หุ้นที่ได้รับคำแนะนำ “Overweight” ได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL และ PTTGC ซึ่ง IVL ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการขยายตลาดในสหรัฐอเมริกา และกลยุทธ์การลดภาระหนี้สิน ขณะที่ PTTGC อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
สำหรับกลุ่มธุรกิจการกลั่น เจพีมอร์แกนมีมุมมองเชิงลบ เนื่องจากอัตราการกลั่นที่ลดลง และระดับหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ได้รับคำแนะนำ “Underweight” ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ที่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน