
CGSI มอง SET แกว่งไซด์เวย์ 1,135-1,170 จุด พร้อมแนะลงทุน 2 หุ้นเด่น
CGSI มอง SET แกว่งไซด์เวย์บริเวณ 1,135-1,170 จุด โดยยังคงได้แรงสนับสนุนเล็กน้อยตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับความหวังสงครามการค้าผ่อนคลายลง พร้อมแนะลงทุน 2 หุ้นเด่น CPALL-AP
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (25 เม.ย.68) ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สามติดต่อกัน (ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.2%, S&P500 เพิ่มขึ้น 2%, Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.7%) ยังคงได้อานิสงค์บวกขานรับประธานาธิบดี ทรัมป์ และ รมว. คลังสหรัฐส่งสัญญาณว่า ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีนอาจคลี่คลายลง และการปฏิเสธข่าวการปลดเจอโรม พาวเวล์ และ งบ Alphabet ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยราคาหุ้นบวกได้กว่า 5%
ด้านราคาน้ำมันดิบปิดแกว่งทรงตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาคละกัน และ ตลาดกำลังรอประเด็น OPEC+ โดยตลาดเชื่อว่า OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. และ ส่วนราคาทองคำเพิ่ม 0.5% ได้หลังจากเจอแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามา 2-3 วัน
ทั้งนี้ คาดว่า SET Index จะยังคงแกว่ง Sideway บริเวณ 1,135-1,170 จุด โดยยังคงได้แรงสนับสนุนเล็กน้อยตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับความหวังสงครามการค้าผ่อนคลายลง และ ตลาดคลายความกังวลที่ว่าความเป็นอิสระของเฟดอาจจะถูกทรัมป์แทรกแซง อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าประเด็นดังกล่าว priced-in ในตลาดไปพอสมควร
ดังนั้นแนะนำ Selective Buy ในระยะสั้น และ เก็งกำไรงบไตรมาส 1/68 ของหุ้นที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง หรือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Flow TESGX ในเดือน พ.ค.นี้ รวมถึง การเก็งประเด็นกนง.ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
โดย Consensus คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 36.3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดย Sector ที่เติบโตสูงสุดจากไตรมาสก่อนหน้า ได้แก่ PKG (SCGP) ICT (DIF TRUE ADVANC) ETRON (DELTA HANA KCE) และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ PETRO (PTTGC) CONS (CK STECON) FOOD (CPF OSP ICHI AAI) ซึ่งได้ทำการคัดเลือกหุ้นในกลุ่มที่ Consensus คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/68 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า
โดยเลือกเฉพาะหุ้นที่มี Consensus rating outperform ขึ้นไป, Earnings growth เป็นบวก, มี Beta และ Volatility สูง ได้แก่ CRC, TRUE, CBG, TIDLOR, ADVANC, CPF, BDMS, KLINIQ, BA, SAV, BEM
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ ส่งออกไทยเมื่อวานนี้ การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคมพุ่งขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้การส่งออกในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 พุ่งขึ้น 15.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นำเข้าพุ่งขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,080 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น คาดว่าการหยุดการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วันของทรัมป์จะส่งผลให้ยอดสั่งซื้อพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้การส่งออกของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เติบโตต่อไป
ทั้งนี้ จึงปรับเพิ่ม GDP ปี 2568 เป็น 1.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 1) เพิ่มขึ้น 0.15% จากการค้าไทยที่เพิ่มขึ้น และ 2) เพิ่มขึ้น 0.1% จากผลกระทบจากการบริโภค (secondary effect) นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 เป็น 34.25 (สิ้นปี) โดยอิงตามวิวของ Group ที่เค้าเขียนเรื่อง Mar-a-Lago Accord
สำหรับ หุ้นแนะนำ ดังนี้
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL คาดว่า CPALL จะมีกำไรปกติแข็งแกร่งที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) ในไตรมาส 1/68 โดยมีปัจจัยหนุนจากมาร์จินที่เพิ่มขึ้นจากยอดขาย RTE โดย เราประมาณการว่า 7-Eleven ในไทยจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่เพิ่มขึ้น 3% จากยอดซื้อต่อบิลที่สูงขึ้นและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น (Take profit : 51.00 / Stop loss : 49.00)
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เก็งประเด็นกนง. ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า จากมุมมองการลดดอกเบี้ยของนักเศรษฐศาสตร์ของเรา อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงทุก 25bp จะทำให้ ความสามารถในการซื้อบ้านเพิ่มขึ้น 2.33% นอกจากนี้ ผู้ซื้อบ้านจะได้รับประโยชน์จากค่าผ่อนบ้านที่ลดลง 2.28% จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bp (Take profit : 8.20 / Stop loss : 7.85)