
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 20 จุด รับแรงหนุนหุ้นเทค หลังเทรดวอร์ “สหรัฐ-จีน” คลายตึงเครียด
“ดาวโจนส์” ปิดสัปดาห์บวก 2.48% รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม AI และสัญญาณผ่อนคลายข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีน นักลงทุนจับตาผลประกอบการสดใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 40,113.50 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +0.05% ในวันศุกร์ (25 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,525.21 จุด เพิ่มขึ้น 40.44 จุด หรือ +0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,382.94 จุด เพิ่มขึ้น 216.90 จุด หรือ +1.26% โดยในรอบสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.48%, S&P500 บวก 4.59% และ Nasdaq บวก 6.73% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่นำตลาดปรับตัวขึ้น
หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) พุ่งขึ้น 1.7% หลังรายได้จาก Google Cloud เติบโต 28% และยืนยันว่าการลงทุนด้าน AI เริ่มสร้างผลตอบแทน ขณะที่หุ้นอินเทล (Intel) ร่วงลง 6.7% หลังคาดการณ์รายได้และกำไรต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวรัฐบาลจีนประกาศยกเว้นภาษีนำเข้า 125% สำหรับสินค้าบางรายการจากสหรัฐฯ ท่ามกลางท่าทีผ่อนคลายความตึงเครียดการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P500 จำนวน 179 บริษัทที่รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกแล้ว มีถึง 73% ที่ทำผลงานดีกว่าคาดการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิรวมของ S&P500 ในไตรมาสแรกจะขยายตัว 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ 8.0%
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายนว่า ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงสู่ระดับ 52.2 ซึ่งแม้จะดีกว่าตัวเลขเบื้องต้น แต่ยังต่ำสุดในรอบ 32 เดือน โดยผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้น 6.5% ในปีหน้า สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2524 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2534 สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมีอยู่